26 ม.ค.65 – ครั้งแรกในรอบ 30 ปี ที่ประเทศไทย และซาอุดีอาระเบีย กลับมาฟื้นฟูมิตรภาพความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ โดย
วันนี้จะพาไปทำความรู้จักกับซาอุดิอาระเบียมากขึ้น ดินแดนแห่งนี้มีดีอย่างไร?
เป็นช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์ของ 2 ประเทศ ไทย-ซาอุดิอาระเบีย ที่กลับมาฟื้นฟูมิตรภาพความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอีกครั้ง โดยระหว่างวันที่ 25-26 มกราคม 2565 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมคณะ
เดินทางเยือนราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียอย่างเป็นทางการ พร้อมเข้าเฝ้าฯ เจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อัลซะอูด มกุฎราชกุมาร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมแห่งซาอุดีอาระเบีย เพื่อหารือข้อราชการ ณ สำนักพระราชวังซาอุดีอาระเบีย พระราชวังอัล ยะมามะฮ์ (Al Yamamah Palace)
โดยทั้งสองฝ่ายได้ยืนยันความตั้งใจร่วมกันในการสะสางประเด็นที่คั่งค้างทั้งหมดระหว่างไทยกับซาอุดีอาระเบีย และปรับความสัมพันธ์ระหว่างสองราชอาณาจักรให้เป็นปกติ
รวมทั้งยังได้ย้ำความสำคัญของการส่งเสริมความสัมพันธ์ฉันมิตรของสองราชอาณาจักร และการเปิดศักราชใหม่ของความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับซาอุดีอาระเบีย รวมทั้งโอกาสการเปิดการค้า การท่องเที่ยว การลงทุน 2 ประเทศ โดยเฉพาะโอกาสที่คนไทยกลับไปทำงานในซาอุดีอาระเบียได้
•
ในโอกาสดีแบบนี้ เราจะพาไปดูกันว่าซาอุดิอาระเบีย มีอะไรดีดี? ที่น่าสนใจกันบ้าง
1.หินดำ แห่งมหานครเมกกะห์
นครเมกกะห์ นครศักดิ์สิทธิ์ของชาวมุสลิมที่ครั้งหนึ่งในชีวิต ต้องเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ในช่วงเดือนที่ 12 ของปฏิทินอิสลาม (ประมาณช่วงเดือนสิงหาคม) ที่นี่ตามความเชื่อของศาสนาอิสลาม จุดเริ่มต้นของนครเมกกะห์ คือ วิหารกะบะห์ ที่สร้างโดยท่านนบีอดัม และพระนางเฮาวาอ์ ซึ่งเป็นมนุษย์ชายหญิงคู่แรกของโลก (หรืออดัมกับอีฟ ตามความเชื่อศาสนาคริสต์) สร้างขึ้นตามคำบัญชาขององค์อัลลอฮ์ เพื่อเป็นสถานที่แสดงความเคารพสักการะพระอัลลอฮ์
•
ต่อมาท่านนบีอิบรอฮีม และท่านนบีอิสมาอิลได้ทำการบูรณะ และเมื่อเสร็จสิ้นแล้ว เทวทูตก็ได้ปรากฎกายขึ้น พร้อมกับหินดำศักดิ์สิทธิ์ที่พระอัลลอฮ์ประทานให้ทั้งสองท่าน ที่เนินเขาญะบัล กูบิส ที่เป็นภูเขาลูกแรกของโลกตามความเชื่ออิสลาม ตามความเชื่อของชาวมุสลิม เชื่อว่าครั้งที่หินนี้ลงมาจากสวรรค์ มีสีขาวบริสุทธิ์ยิ่งกว่าน้ำนม แต่ต่อมาได้ถูกมลทินและความบาปของมนุษย์ ทำให้หินนี้กลายเป็นสีดำอย่างที่เห็นทุกวันนี้
•
ปัจจุบันหินดำได้แตกออกเป็น 8 ก้อนเล็ก ๆ จากที่เคยเป็นก้อนหินขนาดใหญ่ก้อนเดียว จากน้ำท่วม และการโจรกรรมก่อนที่ต่อมาหินดำทั้งหมดถูกบรรจุอยู่ในกรอบโลหะสีเงิน
•
สำหรับชาวมุสลิมแล้ว หินดำนั้นถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แต่จากการตรวจสอบโดยนักวิทยาศาสตร์จากสหรัฐฯ พบว่าหินดำเป็นวัตถุนอกโลก สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นก้อนอุกกาบาตที่มาจากที่อื่น เพราะองค์ประกอบและธาตุบางชนิดเป็นธาตุที่ไม่พบในโลกและกาแลคซี่ของเรานั่นเอง
•
สำหรับข้อห้ามของนครเมกกะห์ เช่น ห้ามตัดต้นไม้ ห้ามล่าสัตว์ ห้ามต่อสู้กันนอกจากเพื่อป้องกันตัว และห้ามผู้ที่ไม่ศรัทธาเข้าไปในบริเวณนั้น
•
2.บ่อน้ำมัน
ประเทศซาอุดิอาระเบีย ค้นพบแหล่งน้ำมันเมื่อกว่า 75 ปีก่อน ในรัชสมัยของกษัตริย์อับดุลราซิส อิบ ซาอุด โดยบริษัทพลังงานชั้นนำของประเทศ “ซาอุดิ อารามโค” ปัจจุบันมีมูลค่าทางการตลาดกว่า 2 ล้านล้านดอลลาร์
•
ถือเป็นหนึ่งในบริษัทพลังงานที่ทำกำไรได้มากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ทำให้ซาอุฯเป็นศูนย์กลางการผลิตน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดของโลกโดยมีศักยภาพในการผลิตรวมกว่า 260,000 ล้านบาร์เรล หรือกว่า 1 ใน 4 ของปริมาณรวมของทั้งโลก มีจำนวน 8 แหล่งขุดเจาะ
•
โดยมี 2 แห่งยุทธศาสตร์ คือ แหล่งขุดเจาะน้ำมันการ์วาร์ เป็นแหล่งน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดในโลกและซาฟานิยา ที่เป็นแหล่งน้ำมันนอกชายฝั่งที่ใหญ่ที่สุดในโลก
•
นอกจากนี้ Saudi Aramco บริษัทน้ำมันแห่งชาติของซาอุดิอาระเบีย ได้ค้นพบแหล่งน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติแห่งใหม่เพิ่มจำนวน 4 แหล่ง โดยคาดว่าจะเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันดิบของ Saudi Aramco จากเดิม 12 ล้านบาร์เรลต่อวัน เป็น 13 ล้านบาร์เรลต่อวัน
•
3.เทือกเขาอาซีร์
มีชาวต่างชาติจำนวนมากที่อาศัยอยู่ในซาอุฯ มานานกว่า 10 ปี แต่ไม่เคยมาเยือนเทือกเขาที่เปรียบได้ดังอัญมณีแห่งนี้ เทือกเขาอาซีร์ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ ติดกับเยเมน พวกเขากำลังพลาดโอกาสสำคัญ พื้นที่นี้อุดมสมบูรณ์และเขียวขจี
•
แม้แต่ในช่วงหน้าร้อน ผมเคยเห็นป่าสนที่นี่กลายเป็นสีขาว หลังจากที่ถูกพายุลูกเห็บพัดถล่มคาดว่ามีลิงบาบูนฮามาดรายาส ประมาณ 500,000 ตัว อาศัยอยู่ที่เทือกเขาแห่งนี้ นอกจากนี้ยังมีนกเงือก อินทรี และกิ้งกาอากามิด สีฟ้าสด พื้นที่แถบนี้มีหอนาฬิกาที่ทำจากหินบะซอลต์วางเรียงรายไปทั่วบริเวณ
•
เป็นมรดกตกทอดมาจากการสู้รบระหว่างชนเผ่าที่เคยเกิดขึ้นที่นี่เมื่อ 100 ปีก่อน ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ภูมิภาคนี้เปิดรับนักท่องเที่ยวในประเทศ มีบริการให้นักท่องเที่ยวนั่งรถกระเช้าลงมาจากเขาสูงไปยังหมู่บ้านริจาล อัล-มา (Rijal al-Ma') ที่มีทิวทัศน์สวยงามตั้งอยู่บริเวณไหล่เขา
•
4.มาดา'อิน ซาเลห์
ซากปรักหักพังนาบาเทียน อยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของซาอุฯ เป็นรูปสลักที่อยู่ในสภาพดี สวยงามโดดเด่นท่ามกลางทะเลทรายคล้ายกับนครเพตราในจอร์แดนทางเหนือ
•
5.อัล-โฮฟุฟ
อัล-โฮฟุฟ เป็นโอเอซิสที่เต็มไปด้วยต้นอินทผลัม ครอบคลุมพื้นที่ขนาดใหญ่ทางตะวันออกของซาอุฯ เชื่อว่าเป็นโอเอซิสอินทผลัมที่ใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นแหล่งกำเนิดสวนและลำธารหลายสาย
•
ที่นี่ยังได้รับความสนใจจากถ้ำผีที่อยู่ในภูเขาอัล-การาห์ ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมของยูเนสโกในปี 2018
•
6.เจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อัลซะอูด มกุฎราชกุมาร
นอกจากพระองค์จะดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีของประเทศ เป็นประธานสภากิจการฝ่ายเศรษฐกิจและพัฒนารวมถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พระองค์ยังนั่งตำแหน่งประธานของกองทุน พับลิค อินเวสต์เมนต์ ฟันด์(Public Investment Fund) ที่แฟนฟุตบอลอังกฤษน่าจะคุ้นชื่ออยู่บ้าง
เป็นกลุ่มทุนที่ดำเนินการเข้าเทกโอเวอร์ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ซึ่งมีทรัพย์สินอยู่ในบริษัทมูลค่าถึง 5 แสนล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 16,900 พันล้านบาท ขณะที่ทรัพย์สินในราชวงศ์ซัลมาน ของซาอุฯ มีอยู่มากกว่า 1 ล้านล้านปอนด์ หรือประมาณ 42,690,800 ล้านบาท