X
ข้อเท็จจริงการเลื่อนกม.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคลที่คุณอาจไม่รู้

ข้อเท็จจริงการเลื่อนกม.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคลที่คุณอาจไม่รู้

7 พ.ค. 2564
1530 views
ขนาดตัวอักษร

นายไพบูลย์ อมรภิญโญเกีรยติ นักกฎหมายผู้เชี่ยวชาญกำหมายดิจิทัล ให้สัมภาษณ์กับ MCOT Backbone กรณีที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบขยายเวลาบังคับใช้ ...คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลอีก 1 ปี หวังลดผลกระทบทุกกลุ่มที่เกี่ยวข้องทั้งหน่วยงานรัฐ ธุรกิจทุกขนาด และประชาชน ในสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ว่า เราข้อใจผิดมาตลอดว่ากฎหมายเลื่อนบังคับใช้ทั้งฉบับ ควมจริงส่วนที่เลื่อนการบังคับใช้ไปถึงเดือน 31 พฤษภาคม 2565 เป็นการเลื่อนเฉพาะระหว่างกิจการ คือกิจการแสวงหากำไร และไม่แสวงหากำไร ส่วนที่มีผลบังคับใช้มาโดยตลอด คือ บทบัญญัติระหว่างบุคคล เช่นกรณี มีผู้ติดเชื้อโรคโควิด-19 แล้วมีบุคคลไปถ่ายรูปมาหรือ เจ้าหน้าที่ตำรวจไปถ่ายรูปคนกระทำความผิด ส่วนนี้ตามกฎหมายมีผลบังคับแล้ว สามารถเอาผิดได้มีโทษตามกฎหมาย ส่วนทรี่ยกเว้นเป็นการยกเว้นเฉพาะกิจการที่ประกาศ ส่วนบุคคลธรรมดามีผลบังคับแล้ว เราเข้าใจผิดกันมาตลอดว่ากรณีบุคคลละเมิดกันเองกฎหมายไม่บังคับใช้ส่วนนี้เป็นความเข้าใจที่ผิด การที่กฎหมายมีผลบังคับใช้แล้วแต่มีบางส่วนเลื่อนการบังคับใช้ออกไปย่อมมีผลกระทบเกิดขึ้น เพราะเมื่อเลื่อนการบังคับใช้ออกไปหากนิติบุคคลที่มีชื่อตามประกาศแนบท้าย หากเขาไม่มีนโยบายในการดูแลข้อมูลส่วนบุคคลที่ดี แล้วเกิดทำข้อมูลหลุดไป การไม่มีกฎหมายจะทำให้การตรวจสอบองค์กรเหล่านี้มีปัญหารวมไปถึงการดำเนินการเอาผิดกับองค์กรเหล่านี้ด้วย 


นายไพบูลย์ กล่าวอีกว่า มีข้อเสนอแนะ 4 ข้อสำหรับ กรณีที่องค์กรไม่ดูแลข้อมูล่วนบุคคลของประชาชนให้ดีแล้วเกิดข้อมูลรั่วไหล คือ ภาครัฐต้องเร่งให้มีการคัดเลือกและแต่งตั้งคณะกรรมการข้อมูลส่วนบุคคลโดยเร็วที่สุด  เพราะกฎหมายยกเว้นผลบังคับใช้กับกิจการไปเกือบทุกหมวดยกเว้นหมวดเรื่องคณะกรรมการและสำนักงาน ดังนั้นเป็นหน้าที่ของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมต้องดำเนินการคัดเลือกและแต่งตั้งกรรรมการ รวมถึงการออกกฎหมายลูก ให้เป็นไปตามที่กฎหมายหลักกำหนด ถัดมาคือเร่งให้มีกฎหมายลูกออกมาเร็วที่สุด โดยกระทรวงดีอีเอสควรรับฟังหรือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับหน่วยงานที่กำกับดูแลที่มีความเข้าใจในธุรกิจแต่ละประเภท อาจเป็นสมาคมหรือสภาวิชาชีพที่เกี่ยวกับธุรกิจหมวดนั้นๆ เพื่อให้ได้กฎหมายลูกที่ตรงกับลักษณะของธุรกิจประเภทนั้นมากที่สุด เอกชนเองเขาอยากรู้ว่ากฎหมายที่จะออกมาขัดกับการดำเนินธุรกิจหรือไม่ เขาต้องมีหลักเกณฑ์ที่ใช้อย่างไร ดีอีเอสต้องร่วมกันทำงานอย่างใกล้ชิด เจตนารมณ์ของกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลต้องการสร้างการกำกับดูแลกันเองขึ้นมาดังนั้น ถ้าแนวทางกำกับดูแลกันเองสอดคล้องกับกฎหมายและมีกรรมการขึ้นมาดูแลข่วยขับเคลื่อจะทำให้การบังคับใช้เกิดประโยชน์อย่างแท้จริง  ที่ผ่านมามีปัญหาการรั่วไหลของข้อมูลเกิดขึ้น กระทรวงดิอีเอสได้ออกประกาศการรักษาความมั่นคงปลอดภัยออกมาช่วงเดือนก.ปีที่แล้วแต่ไม่เคยมีการเรียกผู้ที่ทำข้อมูลรั่วไหลมาชี้แจงเรื่องมาตรการดูแลข้อมูลส่วนบุคคลเลย ควรมีการเรียกมาชี้แจงถึงแม้กฎหมายยังไม่มีผลบังคับใช้แต่เมื่อเกิดความเสียหายอาจใช้อำนาจทางปกครองดำเนินการปรับผู้ที่ไม่ได้รักษาความปลอดภัยข้อมูล 


กฎหมายลูกต้องออกมาโดยเร็วที่สุด และต้องสอดคล้องกับหลักเกณฑ์ปฎิบัติของทุกอุตสาหกรรม กฎหมายลูกต้องแบ่งให้ชัดเจนว่าการกำกับดูแลของแต่ละธุรกิจ มีใครรับหน้าที่กำกับดูแลและมีแนวทางในการกำกับดูแลอย่างไร เมื่อมีกรรมการขึ้นมาก็สามารถเข้ามาทำงานได้เลยไม่ต้องไปทำกฎหมายลูกอีก นอกจากนี้ปัญหาและอุปสรรคในการบังคับใช้กฎหมายที่เป็นภาระของเอกชนในการบังคับใช้กฎหมายก็ควรจะตัดทิ้งไปเพื่อให้ธุรกิจดำเนินการได้  


ส่วนการทำธุรกิจกับต่างประเทศ การเลื่อนบังคับใช้กฎหมายไม่มีผล ถ้าแต่ละธุรกิจมีหลักเกณฑ์ปฎิบัติที่สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ของ GDPR เป็นหลักเกณฑ์ที่ยอมรับได้คอยดูแลอยู่ เราคงเลื่อนการบังคับใช้ออกไปอีกไม่ได้แล้ว จึงคงควรใช้เวลา 1 ปี ดังนั้นควรรีบทำกฎหมายลูก และเมื่อเลือกที่จะเลื่อนแล้วต้องทำให้เอกชนเดินได้ กรรมการคุ้มครองส่วนบุคคลและสำนักงานต้องการบ้านมากขึ้น โดยเเอาหลักเกณฑ์ของเอกชนมาปรับใช้ 


ในส่วนของบุคคลทั้่วไป สิ่งที่ประชาชนต้องเรียนรู้คือ การที่เราเก็บรวบรวมข้อมูลของบุคคลอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นสิ่งที่ทำไม่ได้ เช่น การถ่ายรูปของบุคคลที่ไม่รู้จักกัน การจะไปถ่ายรูปต้องมีการข้ออนุญาตและเคารพความเป็นส่วนตัวของบุคคลนั้น ที่ผ่านากระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ยังไม่ได้ประชาสัมพันธ์ให้ทุกฝ่ายเข้าใจว่า การไปแอบถ่ายรูปคนอื่นกฎหมายดำเนินคีดไม่ได้ ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ผิด ดีอีเอสต้องกำหนดให้ชัดเลยว่าถ้ามีเหตุร้องเรียนการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลต้องไปร้องเรียนที่ไหน มีวิธีดำเนินคดีหรือตรวจสอบอย่างไร สำหรับสื่อมวลชนได้รับการยอกเว้นทั้งในส่วนของกฎหมายหลักและยกเว้นตามประกาศที่ออกมา ตนทราบว่าสมาคมผู้สื่อข่าวออนไลนและสภาการฯ กำลังร่างประมวลจริยธรรมออกมาเพื่อเป็นแนวทางดูแล เบื้องต้นการทำข่าวถ้าเป็นการทำงามตามปกติสามารถทำได้ ส่วนถ้าเป็นการทำข่าวส่วนตัวที่ไม่ได้ทำเพื่อประโยชน์ของสาธารณชน ต้องมีการแจ้งให้เจ้าของข้อมูลทราบเพื่อทำการบันทึก ยกเว้นแต่มีอาชญากรรมเกิดขึ้น โดยสภาพไม่สามารถข้ออนุญาตได้ให้ดำเนินการไปก่อนได้เลย สิ่งที่สื่อมวลชนต้องระวังคือสื่อบันเทิงที่ทำประเด็นเกี่ยวกับประเด็นชู้สาวและเรื่องส่วนตัว

Terms of Service © 2018 MCOT.net All rights reserved นโยบายข้อมูลส่วนบุคคล