เรามักเข้าใจว่า พญาครุฑ กับ พญานาคเป็นคู่ขัดแย้งไม่ถูกกัน ในหนังสือ พระราชนิพนธ์ เรื่องพระเป็นเจ้าของพราหมณ์ พระราชนิพนธ์พระบาทสมเดผ็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว เล่าว่า ทั้งสเมื่องเป็นผู้ถวายความจงรักภักดีต่อพระนารายณ์ พญาครุฑ นั้นเป็นพาหนะของพระนารายน์ ส่วนพญานาค เป็นบัลลังก์ ที่ประทับของพระนารายณ์ เรื่องราวของทั้งสอง กระจัดกระจายอยู่หลายแห่ง สามารถเก็บข้อความคัดมาไว้ได้ดังต่อไปนี้
พญาอนันตนาคราช หรือเศษนาค และวาสุกรี ก็เรียก เป็นอธิบดีแห่งนาคทั้งหลาย และเป็นใหญ่เหนือแคว้นบาดาล เป็นบัลลังกที่พระนารายน์บรรทมพักในระหว่างสร้างโลก มีศีรษะพ้นหนึ่ง บางตำรับว่า พญาเศษนาคเป็นผู้แบกโลกไว้ บางแห่งก็ว่ารองบาดาลทั้ง 7 ชั้น เมื่อหาวครั้งใดแผ่นดินก็ไหวครั้งนั้น เมื่อสิ้นกัลป์ก็พ่นพิษเป็นเปลวไฟไหม้โลกหมดสิ้น เมื่อครั้งเทวดากวนเกษียรสมุทรเพื่อหาน้ำอมฤต ได้ใช้พญาเศษนาคเป็นเชือกพ้นรอบมันทรคีรีและชักภูเขานั้นให้หมุนไป
ในรูปภาพ พญาเศษนาคแต่งกายด้วยผ้าสีม่วง สวมสังวาลย์ขาว มือหนึ่ง ถือผาลไถ และมือกนึ่งถือสากตำข้าว ๆ (ที่ถือผาลไถและสากนี้เพราะกล่าว ว่าในปางพระกฤษณาวตาร พญานาคนี้เป็นพระพลเทพ) ในหนังสือปุราณะกล่าวว่า พญาอนันตนาคราชเป็นลูกพระ กัศยปะ กับนางกัทรุ บางตำรับว่าเป็นพระลักษมณ์ในปางพระรามาวตารและเป็นพระพลเทพในปางพระกฤษณาวตาร
พังพานแห่งพญาอนันตนาคราชนั้น เรียกว่ามณีทวีป แคว้นชื่อบาดาล นครหลวงชื่อโภควดี วังชื่อมณีภีตติ ที่อยู่ชื่อมณีมณฑป มเหสีชื่อ อนันตศีรษา