26 ก.ย.67 - งดงามล้ำค่า มรดกภูมิปัญญา ศิลปวัฒนธรรม นวัตกรรมสังคม รวมศาสตร์ศิลป์ โนรา การแทงหยวก สู่พระแท่นที่ประทับพระราชทานปริญญาบัตร มหาวิทยาลัยทักษิณ ปีการศึกษา 2566
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ในการพระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษา ประจำปีการศึกษา 2566 จากมหาวิทยาลัยทักษิณ เมื่อวันจันทร์ที่ 23 กันยายน 2566 ณ หอประชุมเฉลิมพระเกียรติ มหาวิทยาลัยทักษิณ วิทยาเขตพัทลุง อำเภอป่าพะยอม จังหวัดพัทลุง ซึ่งมีผู้สำเร็จการศึกษาประจำปีการศึกษา 2566 และเข้ารับปริญญา ระดับปริญญาเอก จำนวน 13 คน ระดับปริญญาโท จำนวน 106 คน และระดับปริญญาตรี จำนวน 2,656 คน รวมทั้งสิ้น จำนวน 2,775 คน
สภามหาวิทยาลัยทักษิณทูลเกล้าทูลกระหม่อม ถวายปริญญารัฐประศาสนศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ ประจำปีการศึกษา 2566 แด่พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวซิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และมอบปริญญามหาบัณฑิตกิตติมศักดิ์ แก่ผู้ทรงคุณวุฒิ ประจําปีการศึกษา 2566 จำนวน 3 ราย และได้พระราชทานเกียรติบัตรเพื่อเชิดชูเกียรติคุณแก่บุคลากรตัวอย่าง ประจําปีการศึกษา 2566 จำนวน 5 ราย
นอกเหนือจากพระราชพิธีอันทรงเกียรติแล้ว สิ่งที่มีความสำคัญไม่แพ้กัน คือ ความงดงามของเวที พระแท่นที่ประทับพระราชทานปริญญาบัตร ซึ่งจะประดับประดา ตกแต่งอย่างสวยงามภายใต้แนวคิดต่างๆ ที่มักจะสะท้อนภูมิปัญญา ศิลปวัฒนธรรม ประเพณี พิธีกรรม สังคม เพื่อให้สมพระเกียรติพระบรมวงศานุวงศ์และเป็นเกียรติแก่เหล่าบัณฑิต
สำหรับพระแท่นที่ประทับพระราชทานปริญญาบัตร และบริเวณเวทีในปีการศึกษานี้ได้นำเสนอเรื่องราว “นวัตกรรมสังคม” ที่ได้รวมศาสตร์ศิลป์ “โนรา” และ “การแทงหยวก” มรดกภูมิปัญญา ศิลปวัฒนธรรมล้ำค่าของชาวใต้ ประกอบด้วย ลวดลายการแทงหยวก เทริด เครื่องแต่งกายโนรา ลูกปัดโนรา และดอกไม้พื้นถิ่นใต้ แนวคิดการจัดแสดงองค์ความรู้ผ่าน “วัตถุมรดกภูมิปัญญา” จากตระกูลช่างและยุคของการทำเทริดและการสร้างลวดลายลูกปัดโนรา ยึดรูปแบบการร้อยลายลูกแก้วโบราณเป็นหลัก โดยปรับรูปแบบบางส่วนจากชุดโนราของสายตระกูลโนราเติม วิน วาด ตั้งแต่ปี พ.ศ.2502 มีลายลูกแก้วโบราณ และลายเส้นแบบสีธงชาติ พัฒนากลีบดอกให้มีความโค้งมน อ่อนช้อย สวยงาม เข้มขรึมเป็นสีม่วงประจำพระองค์ ซึ่งเป็นสีหลักในการเรียงร้อยลูกปัด เสริมด้วยสีอื่นๆ ในโทนสีที่ใกล้เคียงกัน ทำให้ดูสดใส สว่าง โดดเด่น ทันสมัย
ในส่วนของการแทงหยวกสกุลช่างจังหวัดสงขลา กลุ่มร่องลายไทย เป็นผลงานการสร้างสรรค์ศิลปะพื้นบ้านอันเกิดจากภูมิปัญญาในการสรรหาวัสดุทรัพยากรธรรมชาติรอบตัวมาสร้างสรรค์เป็นลวดลายเพื่อใช้ประดับตกแต่ง มีความสัมพันธ์กับวิถีชีวิตของคนในสังคมไทยทุกระดับทุกชนชั้น ตั้งแต่ชาวบ้านธรรมดา กระทั่งถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ “การแทงหยวก” เป็นชื่อเรียกกรรมวิธีในการสร้างสรรค์ผลงาน โดยการใช้มีดปลายเรียวแหลมคล้ายใบข้าว มีคมทั้ง 2 ด้าน ที่เรียกว่ามีดแทงหยวก แทงฉลุกาบกล้วย เป็นลวดลาย หรือเรียกว่า “การฉลุลายหยวก”
ลวดลายในการแทงหยวก เป็นลวดลายที่เกิดจากการฉลุแบบสด ๆ ไม่มีการร่างรูปแบบลายลงบนกาบกล้วย เป็นวิธีการฉลุเพื่อนำช่องไฟออกจะเหลือไว้เพียงส่วนของลวดลาย โดยจะต้องคำนึงถึงการฝากตัวลายไว้กับกาบกล้วยและส่วนที่คงเหลือของตัวลายเป็นสำคัญ ไม่นิยมการย้อมสี แต่จะให้ความสำคัญกับโครงสร้างของตัวลายและช่องไฟเป็นสำคัญ
สำหรับเวทีงานพิธีพระราชทานปริญญาบัตรจะนำการประดับลวดลายในแนวนอน ที่เรียกว่า ลายนอ มาใช้ประดับตกแต่ง รูปแบบลายจำแนกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ 1) ลายเครื่องประกอบ ได้แก่ ลายกลีบบัวเล็ก ลายกลีบบัวใหญ่ 2) ลายนอ ได้แก่ ลายลูกฟัก 3) ลายปิดมุม ได้แก่ ลายพุ่มทรงข้าวบิณฑ์ ใช้สำหรับปิดตรงช่วงรอยต่อของหยวกในแต่ละแพ สีในส่วนของช่องไฟเกิดจากการนำสีจากกระดาษทองเกรียบมาสาบรองไว้ด้านหลังของกาบกล้วยที่แทงลวดลาย ซึ่งใช้กระดาษสีม่วงเป็นหลัก ประดับแทรกด้วยสีอื่นๆ เพื่อให้เกิดคุณค่าด้านความงามมากที่สุด เสมือนการประดับด้วยกระจกสีในงานประดับลวดลายงานสถาปัตยกรรมไทย
นับเป็นการผสมผสานของสองศาสตร์ศิลป์ที่งดงาม ลงตัว ก่อให้เกิดเป็นนวัตกรรมแห่งการสร้างสรรค์รูปแบบใหม่ที่สะท้อนวิถีชีวิตผ่านวัตถุทางวัฒนธรรม และรูปแบบลวดลายสัญญะทางคติความเชื่อซึ่งเป็นมรดกภูมิปัญญาวัฒนธรรรมของชาติ