มณีนาคราช มณีนาคา แก้วพญานาค นาคมณี และอีกหลายชื่อ เป็นคำเรียก สิ่งที่เชื่อกันว่าเป็นธาตุกายสิทธิ์ ที่ได้รับจากพญานาค พญานาคสำแดงให้บังเกิดขึ้น เพื่อให้บุคคลนั้นนำไปบูชา ถามว่าสิ่งเหล่านี้มีจริงหรือไม่ เรื่องนี้ตอบได้ยากและเสี่ยงที่จะตอบให้ถูกใจคนที่มีความรู้สึก ความเชื่อต่อพญานาค ที่มีแตกต่างกันไป ยิ่ง มณีนาคา หรือแก้วพญานาค ที่มีสัณฐานต่างๆ กัน เป็นทรงกลมบ้าง เป็นรูปพระขรรค์บ้าง เป็นรูปหยดน้ำบ้าง สีสันสวยงาม บางครั้งอาจได้พบเห็นเป็นมณีที่ไม่ได้สวยงามแวววาว มณีนาคา หรือแก้วพญานาคที่พบเห็น มีความแตกต่างกัน ยิ่งทำให้เกิดความสงสัย ?
หากไปที่มีมณีนาคาให้บูชา จะมีคำอธิบายมากมายชวนให้เลือกบูชา เช่น เลือกแก้วพญานาคต้องเลือกสีตามวันเกิด หรือบูชาตามสีที่เป็นมงคลกับบุคคลนั้นๆ หรือบูชาตามใจชอบก็ได้ ส่วนที่กล่าวถึงสัณฐานของมณีนาคา จะได้รับคำบอกเล่าว่าสัณฐานรูปลักษณ์ต่างๆ บ่งบอกถึงความผูกพันกันพญานาคซึ่งแต่ละคนจะมีแตกต่างกัน บางคนเคยเป็นบริวาร บางคนเชื่อว่ามีความสัมพันธ์กับพญานาคองค์นั้นองค์นี้ วิธีเลือกแก้วพญานาคที่ผู้ให้บูชาแนะนำคือ ให้ลองอธิษฐานจิตแล้วจับมณีนาคาหากจับแล้วความรู้สึกถ้ารู้สึกเย็นสบายแสดงว่า มณีนั้นเหมาะกับผู้ที่กำลังมีความสนใจ
นี่เป็นแค่ส่วนหนึ่งของเรื่องที่ มักได้รับฟังจากสถานที่ให้บูชา มณีนาคา แต่ไม่มีใครพิสูจน์ได้ว่าจริงเท็จประการใด ถ้าพักเอาเรื่องมณีนาคามีจริงหรือไม่ ไว้ก่อน แล้วเอาความเชื่อตั้งต้น ว่า พญานาคมีจริงหรือไม่ ขึ้นมาพิจารณาก่อน เรื่องนี้ก็เป็นความเชื่ออีกเช่นกันสุดแล้วแต่ประสบการณ์และการรับรู้ของแต่ละคน หากเป็นผู้ที่นับถือพระพุทธศาสนา และศึกษาหลักคำสอนของพระสุปฎิปันโณ จะพบว่าในบางบันทึกคำเทศนา และประสบการณ์การปฏิบัติธรรมของพ่อแม่ครูบาอาจารย์บางท่าน กล่าวถึงการมีอยู่ของพญานาค และหากมีการศึกษาถึงพระไตรปิฎก ก็อาจกล่าวได้ว่า ฐานความเชื่อเรื่องพญานาคกับพระพุทธศาสนาค่อนข้างมั่นคง ว่า พญานาค มีอยู่จริง
หลวงปู่ขาว อนาลโย เคยเมตตาเล่าถึงครั้ง ไปปฏิบัติธรรมที่ที่ภูถ้ำค้อ เป็นเรื่องเกี่ยวกับลูกหลานพญานาค ว่า ... คืนหนึ่งในระหว่างที่หลวงปู่นั่งสมาธิภาวนา ได้เห็นในนิมิตว่าบรรดางูใหญ่งูเล็กหลายพันตัว พากันเลื้อยออกมาจากถ้ำเป็นขบวนยาวเหยียด
หลวงปู่ได้ถามในนิมิตว่า "จะไปไหนกันมากมายเช่นนี้ ?"
หัวหน้างูใหญ่ตอบว่า "พวกข้าพเจ้าทั้งหลายเป็นภูมินาค"
หลวงปู่ถามซ้ำอีกว่า "จะพากันไปไหน ทำไมไม่อยู่ที่เดิมนี้ ?"
งูตอบว่า "จะไปที่ห้วยอีตุ้ม เพราะตั้งแต่พระคุณเจ้ามาอยู่ในถ้ำนี้แล้ว พวกข้าพเจ้าอยู่ยากกินยาก"
หลวงปู่จึงถามว่า "เพราะอะไร ?"
งูตอบว่า "เพราะพวกข้าพเจ้าอยู่สูงกว่าพระคุณเจ้าผู้มีศีลอันบริสุทธิ์ ทำให้ร้อนไปทั่วร่างกาย จึงขอลงไปอยู่ในที่ต่ำๆ จะได้ไม่เป็นบาป"
ในบรรดางูเหล่านั้นมีนาคหนุ่มตัวหนึ่งถูกมัดปาก โดยให้คาบก้อนหินอยู่ หลวงปู่เห็นว่าแปลกกว่านาคตัวอื่นๆ จึงถามหัวหน้าพวกเขาว่า "ทำไมจึงต้องมัดปากเขาไว้ด้วย ?"
หัวหน้าตอบว่า "มันดื้อมาก เกรงมันจะทำอันตรายพระคุณเจ้า"
หลังจากออกจากสมาธิแล้ว หลวงปู่ได้ยกเรื่องของนาคมาพิจารณาโดยละเอียด ท่านบอกว่าเรื่องของนาคนี้ไม่มีบรรยายไว้ในตำราเล่มใด ถ้าหากไม่ปฏิบัติสมาธิให้ถึงขั้นแล้ว จะไม่เห็นได้เลย เป็นสนฺทิฏฐิโก คือรู้เห็นเฉพาะตนเท่านั้น
หลวงปู่เล่าเท่านี้ ไม่ได้เล่าส่วนอื่น ไม่ได้บอกถึง มณีนาคา หรือ สิ่งสำแดงใด ถ้าเอาบันทึกธรรมของหลวงปู่เป็นที่ตั้ง อาจเชื่อได้ว่า มณีนาคา หรือสิ่งที่เราเชื่อว่าพญานาคใช้ฤทธิ์สำแดงให้บังเกิด ล้วนเป็นความเชื่อทั้งสิ้น ไม่มี ไม่มีการยืนยันประจักษ์ชัดแต่ประการใด ดังนั้น หากใครจะมีความเชื่อเรื่อง มณีนาคา หรือ นาคมณี อย่างไร ก็เป็นเรื่องส่วนัว สิ่งที่ น่าพิจารณา โดยอ้างคำหลองหลวงปู่ว่า หากไม่ปฏิบัติถึงแล้วจะไม่เห็นเลย เมื่อเอามาพิจารณา แก้วพญานาค ถ้ามีจริง ไม่น่าจะมีมากมาย หลากหลายสีสัน รูปลักษณ์สัณฐาน ราวกับเกิดขึ้นโดยตั้งใจ น่าจะเป็นของเฉพาะที่มีแต่ผู้ปฏิบัติ ถึงขั้นจึงน่าจะปรากฏสุดท้ายนี้ บทความนี้เป็นเรื่องความเชื่อและการอนุมานตามสิ่งที่ เชื่อ ย่อมไม่เป็นสากลที่แต่เพื่อให้ชวนคิดและชวนพิจารณา ถึง มณีแห่งพญานาค เท่านั้น