X
ดาราร้องดีอีเอส พ่อเป็นเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์

ดาราร้องดีอีเอส พ่อเป็นเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์

18 ม.ค. 2565
380 views
ขนาดตัวอักษร

นายสุขพัฒน์ โล่วัชรินทร์ (ส้วม-สุขพัฒน์นักแสดงและผู้เขียนบท เข้าพบ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลชเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอสเพื่อร้องเรียน กรณีได้รับความเสียหายจากการถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงคนในครอบครัวให้โอนเงิน มูลค่าความเสียหายรวมทั้งสิ้น มากกว่า 1 ล้านบาท


โดยเมื่อวันที่ 15 มกราคม 2565 นายสุพจน์ โล่ห์วัชรินทร์ ได้รับโทรศัพท์จากบุคคลซึ่งไม่ทราบว่าเป็นผู้ใด แต่อ้างว่ามีหลักฐานว่านายสุพจน์ฯ มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดและหลอกลวงให้โอนเงินจำนวนทั้งสิ้น 1,350,000 บาท โดยได้หลงเชื่อและได้ทำการโอนเงินผ่านแอปพิเคชันระบบมือถือขณะอยู่ที่บ้านซึ่งเป็นสถานที่เกิดเหตุ หลังจากโอนเงินไปมาตรวจสอบอีกทีจึงรู้ตัวว่าถูกหลอกลวง เป็นเหตุให้ได้รับความเสียหายจำนวนดังกล่าว จึงเข้ามาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีกับคนร้ายต่อไป 


นายชัยวุฒิ กล่าวว่า อยากให้เป็นอุทาหรณ์สำหรับประชาชน ขณะเดียวกันในส่วนของกระทรวงดิจิทัลฯ พร้อมทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทั้งกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) และกองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (สอท.) จะเร่งรัดติดตามคดี และติดตามเงินมาคืนให้ได้ถึงที่สุด และอี่กเรื่องคือ บัญชีม้าหรือบัญชีที่ถูกนำมาใช้หลอกลวงต้องรีบอายัดให้เร็วที่สุด แต่ก็มักไม่ทันเพราะจะถูกโอนต่อไปภายใน 1-2 นาที โดยกำลังหาแนวทางร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อให้สามารถอายัดบัญชีได้เร็วขึ้น


ด้านผู้เสียหาย นายสุขพัฒน์ โล่วัชรินทร์ (ส้วมกล่าวว่า โดยส่วนตัวเคยได้รับโทรศัพท์จากแก๊งคอลเซ็นเตอร์รูปแบบนี้มาก่อนแต่ไม่เคยโอนเพราะศึกษาข้อมูลมาก่อน จึงไม่เคยหลงเชื่อ อย่างไรก็ตาม ยังไม่ได้แจ้งเตือนที่บ้านก็เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น และอีกสาเหตุที่คุณพ่อของตนหลงเชื่อ เพราะผู้โทรอ้างตัวว่าเป็นพนักงานจากบริษัทประกันภัยแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นบริษัทฯ ที่คุณพ่อเป็นลูกค้าอยู่ โดยกล่าวอ้างว่าพบการไปเอาประกันสินไหมโควิดที่ภูเก็ต และบัญชีมีความเกี่ยวข้องกับคดียาเสพติด 


โดยมิจฉาชีพเกลี้ยกล่อมว่าคุณพ่ออาจถูกแอบอ้างชื่อ พร้อมแสดงเอกสารหลักฐานต่างๆ ที่ปลอมแปลงมาให้ดูทางไลน์ หลอกลวงจนหลงชื่อยอมโอนเงินไป โดยอ้างว่าเพื่อตรวจสอบ ซึ่งมีข้อน่าสงสัยคือ บัญชีเป็นชื่อตัวบุคคล โดยทำการโอน 3 ครั้งจนหมดบัญชี รวมยอดเงิน 1,35,000 บาท ต่อมาราวครึ่งชั่วโมง รู้ตัวว่าถูกหลอกลวง จึงได้เดินทางไปแจ้งความร้องทุกข์ที่สถานีตำรวจ


...ศิริวัฒน์ ดีพอ รอง ผบก.ปอทกล่าวว่า ตาม ..ว่าด้วยการกระทําความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (ฉบับที่ 2) .. 2560 “มาตรา 14 ผู้ใดกระทําความผิดที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้ ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ และถ้าการกระทําความผิดตามวรรคหนึ่ง (1) มิได้กระทําต่อประชาชน แต่เป็นการกระทําต่อบุคคลใด บุคคลหนึ่ง ผู้กระทํา ผู้เผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ดังกล่าวต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ และให้เป็นความผิดอันยอมความได้

Terms of Service © 2018 MCOT.net All rights reserved นโยบายข้อมูลส่วนบุคคล