ความเชื่อ เรื่อง รดน้ำมนต์ ช่วยชำระล้างสิ่งไม่ดีออกจากชีวิต เสริมสิริมงคล ให้ตัวเอง มีมานานแล้ว น้ำมนต์ เป็นของมีมาเก่าก่อนโบราณกาล ไทยน่าจะได้รับอิทธิพล เรื่องนำมนต์มาจากฮินดู พิธีการเสกน้ำให้ศักดิ์สิทธิ์ ในศาสนาฮินดู เชื่อว่า น้ำในแม่น้ำคงคาเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ ไหลมาจากเทือกเขาหิมาลัย หรือ เขาพระสุเมรุ อันเป็นที่สถิตย์แห่งเทพ น้ำในคงคาเชื่อว่าล้างบาปได้ น้ำศักดิ์สิทธิ์ของพราหมณ์ คือการเสกน้ำด้วยเทพมนต์ เรียกว่า น้ำเทพมนต์ สำหรับคนไทยเอาพิธีเสกน้ำมาผสมกับพุทธ ด้วยการเสกน้ำให้ศักดิ์สิทธิ์ด้วย มนต์ คือ การนำน้ำมาใส่ในภาชนะ แล้วเชื่อมด้วยสายสิญจน์ ถือขึ้นอธิษฐาน พร้อมกับการสาธยายคาถา คาถาคือใจความในธรรมบท ที่มีเนื้อหาเป็นมงคล น้ำมนต์ในพระพุทธศาสนา มาจากครั้งที่เกิดภัยพิบัติขึ้นที่เมืองเวสาลี พระพุทธเจ้าให้พระอานนท์เรียน รัตนสูตร เพื่อเสกน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ให้ชาวเมืองเวสาลี พ้นจาก ข้าวยากมหากแพง ภูติผีปีศาจทำอันตราย และโรคภัยไข้เจ็บ เรียกง่ายๆ คือ ครบทุกอย่างที่เป็นเรื่องแย่ๆ เวลาพระเจริญพระพุทธมนต์ ก็จะทำน้ำมนต์ด้วย พระสูตร นี้ น้ำมนต์ ฝังรากลึกอยู่ในสังคมไทย แตกแขนงเป็นความเชื่อหลายๆ อย่าง รดน้ำมนต์ เจ็ดวัด เสริมสิริมงคล รดน้ำมนต์ล้างซวยให้พ้นโชคร้าย รดน้ำมนต์ให้หายป่วย อาบน้ำมนต์จันทร์เพ็ญจะได้สวยและรวยขึ้น ฯลฯ การใช้น้ำมนต์เป็นความเชื่อ
หม้อน้ำมนต์
เรื่องตอนนี้ต้องการเสนอแนวทางในการใช้น้ำมนต์สำหรับคนรุ่นใหม่ให้เป็นแนวทางหาสิริมงคลมาใส่ตัวเอง (ถ้าเชื่ออย่างนั้น)ในปีใหม่ ความเชื่อแรก น้ำมนต์ ที่เอามาจากวัด เอามาแล้วเอามาเก็บวางไว้เฉยๆ ที่ห้องพระหรือหิ้งพระ ถ้าจะรดน้ำมนต์ต้องพระเท่านั้น ความจริง น้ำมนต์ ถ้าเราไม่แน่ใจในความสะอาด ไม่ต้องเอาดื่มก็ได้ การเอามาอาบหรือเอามารด ไม่จำเป็นต้องรบกวนพระเสมอไป สามารถเอาน้ำมนต์ผสมกับน้ำสะอาด ใส่ถัง แล้วให้พ่อ แม่ ปู่ย่า ตายาย หรือผู้ที่เราเคารพ ขอให้ท่านให้พรอาบให้เราก็ได้
น้ำมนต์ ต้องไปเอาที่พระท่านแจก น้ำมนต์ ตามวัดหรือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ จะมีที่มา 2-3 แบบ แบบแรก น้ำมนต์ที่เสกขึ้น คือการขอให้พระท่านเจริญพระพุทธมนต์ ทำน้ำมนต์ให้ วิธีนี้ต้องนิมนต์พระมาทำพิธี มีหลายขั้นตอน , ทางที่สอง น้ำมนต์ที่วัดมีอยู่แล้ว ปกติตามวัดในพระอุโบสถโดยเฉพาะวัดที่มีการประกอบพิธีกรรม และมักจะมีที่เก็บน้ำมนต์ในโบสถ์ เวลามีพิธีก็จะเติมน้ำแล้วเจริญพระพุทธมนต์ น้ำมนต์เก่าแบบนี้พระจะไม่ปล่อยให้แห้งจะเติมน้ำเสมอๆ น้ำมนต์ส่วนนี้ต้องขอจากทางวัดให้แบ่งให้เราเอากลับมาที่บ้าน วิธีต่อมา เมื่อน้ำมนต์เกิดจากฮินดู เราไปหาน้ำมนต์จากพราหมณ์ ก็ได้ น้ำมนต์ของพราหมณ์ เสกด้วยการอัญเชิญเทพ และสาธยายมนต์ เรียกว่าน้ำเทพมนต์ ปกติ น้ำเทพมนต์ จะทำถวายพระมหากษัตริย์ แต่ในการทำพิธีพราหมณ์ ก็มีการใช้น้ำเทพมนต์ ดังนั้น หากต้องการน้ำเทพมนต์ ต้องไปขอกับพราหมณ์ท่าน ส่วนน้ำมนต์ที่แจกตามวัดเป็นการส่งมอบสิ่งมงคลให้คนนำกลับไปบ้าน ซึ่งก็เอาไปใช้ได้เหมือนกัน
หม่อน้ำมนต์เก่าวัดบวรนิเวศราชวรวิหาร
มาถึงลายแทงการไปเอาน้ำมนต์ บางคนบอกว่าต้องไป 7 วัด บ้าง หรือ 9 วัดบ้าง จำนวนวัด ขึ้นอยู่กับความเชื่อ แน่ละยิ่งมากๆ ที่ก็ยิ่งดี แต่จำนวนก็ไม่ได้สำคัญเสมอไป ถ้าน้ำที่ไปได้มา ไม่ใช่น้ำมนต์ แต่เป็นน้ำธรรมดา ไม่มีวิธีพิสูจน์ได้ว่าน้ำมนต์ที่เราได้มาเป็นน้ำมนต์ที่ใช่จริงไหม ประสบการณ์จากผู้เขียนเอง เคยรวบรวมน้ำมนต์จากวัดพระอารามหลวง จนครบ 9 วัดภายในเวลาไม่เกิน 9 ชั่วโมง เริ่มจาก เราต้องรู้ว่าน้ำมนต์ที่เป็นหัวน้ำมนต์ อยู่ที่ไหน และจะเอาไปเอาตอนไหน ด้วยวิธีใดอย่างที่เล่าว่า หัวน้ำมนต์ (เก่า ขอเรียกแบบนี้) มักอยู่ในโบสถ์ ในพระอารามหลวงจะมีหม้อเก็บน้ำมนต์ทุกวัด วิธีการคือ ต้องรู้ว่าโบสถ์เปิดตอนไหนแล้วใช้เวลาให้คุ้ม ปักหมุดที่เกาะเมืองรัตนโกสินทร์พระอุโบสถวัดที่เป็นพระอารามหลวง เปิดแน่นอนใน 2 เวลา คือ ทำวัตรเช้า กับทำวัตรเย็นหรือทำวัตรค่ำ เวลาลงโบสถ์ คล้ายๆ กัน เลือกวัดที่อยู่ใกล้กัน โบสถ์เปิดเข้าไปกราบ ขอ ตักไม่ต้องมาก (เพราะเราเอามาผสม) แล้วรีบไปต่อ ช่วงเช้าและเย็นมีเวลาเก็บน้ำมนต์ได้ประมาณ 2 ชั่วโมง ที่เคยทำได้คือ 3 วัด (ลองออกแบบเส้นทางให้ดีก็แล้วกัน) จากน้ำไปเอาน้ำมันที่โบสถ์ที่เปิด (ตลอดในช่วงเวลาที่ท่านเปิด) คือ วัดพระแก้ว หรือวัดที่ให้คนเข้าไปไหว้พระเยอะๆ เช่น วัดระฆังฯ วัดสุทัศน์ฯ หรือบางวัดเอาไว้นอกโบสถ์ เช่น วัดราชบพิตร ที่เอาน้ำมนต์ วางไว้ใกล้พระเจดีย์ (ตอนหลังทราบว่าเปลี่ยนที่) ถ้าไม่ใช้เวลามาก เริ่มเดินทางแต่เช้า ตอนนี้น่าจะมีสัก 7-8 วัด ที่เหลือ เอาน้ำมนต์แจกจากวัดต่างจังหวัด วัดที่มีควาเก่าแก่ศักดิ์สิทธิ์ มาผสม แค่นี้ก็ได้น้ำมนต์ มาพอที่จะอาบหรือจะทำอะไรก็แล้วแต่ตามความเชื่อ
น้ำมนต์ในหม้อน้ำมนต์เก่าที่วัดราชบพิตรสถิตมหาสีมาราม
การใช้น้ำมนต์ตามหลักการแบบดั้งเดิม เต็มไปด้วยขั้นตอน วิธีการ ตั้งแต่การเสก การรวบรวม การเก็บ ภาชนะที่ใช่ การผสม วันที่รดหรืออาบ คนท่ีมาอาบให้ ถ้าจะทำให้ครบแบบโบราณก็ดี แต่ค่อนข้างจะทำได้ลำบาก นยุคปัจจุบัน หากยังใช้น้ำมนต์ สามารถใช้ลายแทางของเราหา น้ำมนต์ให้ครบ ตามที่ใจต้องการ แล้วเอาไปให้ผู้ที่เราเคารพอาบให้ ถ้าไม่มีจริงอธิษฐานแล้วอาบเองก็ได้ไม่ได้ผิดอะไร