"โลมา" กระโดดทักทาย ในวันที่อากาศแจ่มใส
อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง จ.สุราษฎร์ธานี พบโลมาหลังโหนก 2 ตัว บริเวณหน้าคอม้า ซึ่งเป็นแหล่งที่มีทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่งในเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง
โลมาหลังโหนก มนต์เสน่ห์แห่งท้องทะเลไทย
โลมาหลังโหนก หรือที่รู้จักกันในชื่อ โลมาสีชมพู เป็นหนึ่งในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทางทะเลที่สวยงามและน่าสนใจที่สุดชนิดหนึ่งของประเทศไทย ด้วยรูปร่างที่โดดเด่นและสีสันอันเป็นเอกลักษณ์ ทำให้โลมาชนิดนี้เป็นที่รู้จักและชื่นชอบของผู้คนทั่วไป
ลักษณะเด่นของโลมาหลังโหนก
- สีสัน: แม้ชื่อจะเรียกว่าโลมาสีชมพู แต่สีของโลมาหลังโหนกนั้นมีความหลากหลายมาก ตั้งแต่สีเทาอ่อนไปจนถึงสีชมพูเข้ม สีสันของโลมาแต่ละตัวจะแตกต่างกันไปและเปลี่ยนแปลงได้ตามอายุและเพศ
- รูปร่าง: มีลักษณะเด่นคือสันหลังที่โค้งคล้ายโหนก ซึ่งเป็นที่มาของชื่อ และมีครีบหลังขนาดใหญ่
- ขนาด: มีขนาดค่อนข้างใหญ่ โดยตัวเต็มวัยมีความยาวประมาณ 2.2-2.8 เมตร และหนักประมาณ 150-230 กิโลกรัม
ถิ่นที่อยู่อาศัยและพฤติกรรม
โลมาหลังโหนกมักอาศัยอยู่ในน้ำกร่อยและน้ำเค็ม พบได้ตามปากแม่น้ำ อ่าว และทะเลชายฝั่งของประเทศไทย โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดนครศรีธรรมราชและสุราษฎร์ธานี พวกมันมักอาศัยอยู่รวมกันเป็นฝูงขนาดเล็กถึงขนาดกลาง และมีพฤติกรรมที่หลากหลาย เช่น การว่ายน้ำเล่น การกระโดด และการส่งเสียงร้องเพื่อสื่อสารกัน
ความสำคัญและปัญหาที่เผชิญ
โลมาหลังโหนกมีความสำคัญต่อระบบนิเวศทางทะเล เนื่องจากเป็นสัตว์ผู้ล่าที่ควบคุมประชากรปลาในท้องทะเล อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันโลมาหลังโหนกกำลังเผชิญกับปัญหาหลายประการ เช่น
- การถูกจับในอวน: โลมาหลังโหนกมักจะติดอวนของชาวประมงโดยไม่ตั้งใจ ทำให้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต
- มลภาวะทางน้ำ: สารเคมีและขยะในทะเลส่งผลกระทบต่อสุขภาพของโลมาหลังโหนก
- การรบกวนจากกิจกรรมของมนุษย์: เสียงดังจากเรือและการท่องเที่ยวที่ไม่เหมาะสม ทำให้โลมาเครียดและหลีกเลี่ยงพื้นที่หากิน
การอนุรักษ์โลมาหลังโหนกเพื่อรักษาประชากรโลมาหลังโหนกให้คงอยู่ เราควรมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์โดยการ
- ลดการใช้พลาสติก: เพื่อป้องกันไม่ให้ขยะพลาสติกลงสู่ทะเล
- สนับสนุนการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์: เลือกกิจกรรมท่องเที่ยวที่ไม่รบกวนสัตว์ทะเล
- ร่วมมือกับองค์กรอนุรักษ์: ร่วมบริจาคหรือเป็นอาสาสมัครเพื่อสนับสนุนโครงการอนุรักษ์โลมาหลังโหนก
โลมาหลังโหนกเป็นสัตว์ที่น่าทึ่งและมีเสน่ห์ แต่พวกมันกำลังต้องการความช่วยเหลือจากเราทุกคน เพื่อให้โลมาเหล่านี้สามารถดำรงชีวิตอยู่ในท้องทะเลของเราต่อไปได้อย่างยั่งยืน
ที่มา : อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง - Mu Ko Ang Thong National park จังหวัดสุราษฎร์ธานี สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 4 (สุราษฎร์ธานี)