X
อันตรายมาก! ห้ามกินไส้กรอกไม่มียี่ห้อ ทำเด็กป่วยหนักภาวะขาดออกซิเจน

อันตรายมาก! ห้ามกินไส้กรอกไม่มียี่ห้อ ทำเด็กป่วยหนักภาวะขาดออกซิเจน

29 ม.ค. 2565
1990 views
ขนาดตัวอักษร

29 ..65 - ศูนย์พิษวิทยารามาธิบดี เตือนอันตรายพบเด็กป่วยภาวะ “เมทฮีโมโกลบิน  หลังกินไส้กรอกไม่มียี่ห้อ ทำร่างกายเกิดภาวะขาดออกซิเจน ต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลด่วน


ศูนย์พิษวิทยารามาธิบดี คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล โพสผ่านเฟซบุ๊ก Ramathibodi Poison Center เตือนอันตราย ให้ผู้ปกครองระมัดระวังการซื้อไส้กรอกให้กับเด็กกิน โดยเฉพาะไส้กรอกที่ไม่ยี่ห้อ ไม่มีแหล่งที่มาชัดเจน 


เนื่องจากสัปดาห์ที่ผ่านมีเด็กป่วยด้วยภาวะ เมทฮีโมโกลบิน (Methemoglobin)” จำนวน 6 ราย ใน 5 จังหวัด ได้แก่เชียงใหม่ 2 รายเพชรบุรี 1 รายสระบุรี 1 รายตรัง 1 รายกาญจนบุรี 1 ราย โดยทั้ง 6 ราย พบว่ามีประวัติกินไส้กรอกซึ่งไม่มียี่ห้อ และไม่มีเอกสารกำกับแต่อย่างใด

โดยเด็กที่เข้ารับการรักษา จะมีอาการคลื่นไส้ เวียนศีรษะ อาจหมดสติได้ เหนื่อย หายใจเร็ว เขียว ระดับออกซิเจนที่วัดปลายนิ้วต่ำ 

แต่ในขณะนี้ยังไม่มีรายใดที่รุนแรงถึงแก่ชีวิต

สำหรับภาวะ “เมทฮีโมโกลบิน”  เป็นภาวะที่ฮีโมโกลบินในเม็ดเลือดแดงถูกออกซิไดช์โดยสารออกซิแดนท์ต่างๆกลายเป็น “เมทฮีโมโกลบิน” ทำให้สูญเสียความสามารถในการขนส่งออกซิเจน และสีของเม็ดเลือดจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลดำ

ทำให้ผู้ป่วยจะมีอาการของการขาดออกซิเจนเช่น มึนศีรษะ เวียนศีรษะ อ่อนเพลีย หายใจเร็ว เขียว หากรุนแรงจะมีอาการหอบเหนื่อยมาก เลือดเป็นกรด ความดันโลหิตต่ำและเสียชีวิตได้


โดยสารออกซิแดนท์ อาจมีการเติมในไส้กรอกหรืออาหารแปรรูป คือ สารตระกูลไนเตรต และไนไตรต์ ซึ่งเป็นวัตถุกันเสีย ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 281 (.. 2547) ได้กำหนดปริมาณที่อนุญาตให้ใช้โซเดียมไนไตรต์และโซเดียมไนเตรต ในอาหารได้ไม่เกิน 125 และ 500 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม ตามลำดับ กรณีที่ใช้ทั้งโซเดียมไนไตรต์และโซเดียมไนเตรตให้มีปริมาณรวมกันได้ไม่เกิน 125 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม

ซึ่งในการผลิตที่ไม่ได้มาตรฐานอาจมีการเติมสารไนเตรต-ไนไตรต์ เยอะกว่าปกติ หรืออาจผสมไม่ดีทำให้มีบางส่วนมีปริมาณสารสูงเกินกว่าที่ควรได้ จนทำให้ผู้ที่บริโภคไปเกิดอันตรายได้

แนะนำระมัดระวังการบริโภคไส้กรอกจากแหล่งที่ไม่แน่ชัด ไม่น่าเชื่อถือ โดยเฉพาะกับเด็กเนื่องจากเด็กจะไวต่อสารกลุ่มนี้มากกว่าผู้ใหญ่

หากมีอาการผิดปกติ ควรไปตรวจที่โรงพยาบาล ให้เร็วที่สุด

ทั้งนี้ปกติร่างกายคนเราได้รับสารออกซิแดนต์ในขนาดน้อยๆจากแหล่งต่างๆอยู่แต่ไม่เกิดปัญหาเพราะร่างกายสามารถเปลี่ยน “เมทฮีโมโกลบิน” กลับเป็นฮีโมโกลบินปกติได้ 

แต่หากมีปริมาณ “เมทฮีโมโกลบิน” สูงมากๆ ร่างกายจะเปลี่ยนเป็นฮีโมโกลบินปกติไม่ทัน นำไปสู่ภาวะขาดออกซิเจนซึ่งในเด็กความสามารถในการเปลี่ยน “เมทฮีโมโกลบิน” กลับเป็นฮีโมโกลบินปกติจะน้อยกว่าในผู้ใหญ่ เด็กจึงเกิดเมทฮีโมโกลบิน” ได้ง่ายกว่า 

การรักษาคือหยุดการได้รับสารให้ออกซิเจน และในรายที่รุนแรงอาจพิจารณาใช้ยา methylene blue (มีในระบบยาต้านพิษในผู้ป่วยบางรายอาจมีเม็ดเลือดแดงแตกรุนแรงจากการได้รับสารออกซิแดนท์ร่วมด้วยต้องมีการติดตามระดับเกลือแร่ให้สารน้ำและเลือดทนแทน 

Terms of Service © 2025 MCOT.net All rights reserved นโยบายข้อมูลส่วนบุคคล นโยบายการรักษาความมั่นคงปลอดภัยเว็บไซต์ นโยบายเว็บไซต์ของ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน)