X
ซีเซียม-137 ที่เหลือแผ่รังสีได้น้อย หากสัมผัสสูดดม ร่างกายจะขับออกได้ในไม่กี่เดือน

ซีเซียม-137 ที่เหลือแผ่รังสีได้น้อย หากสัมผัสสูดดม ร่างกายจะขับออกได้ในไม่กี่เดือน

22 มี.ค. 2566
620 views
ขนาดตัวอักษร

22 มี..66 - วิศวกรรมนิวเคลียร์ จุฬาฯ วิเคราะห์ผลกระทบจากซีเซียม-137 การหลอมจะทำให้สารกัมมันตรังสี มีการกระจายตัวออกไป “ทำให้ปริมาณรังสีที่แผ่ออกมาต่อพื้นที่ลดน้อยลง ส่งผลให้หากมีผู้ได้รับรังสีชนิดนี้ก็ได้รับอันตรายจากการได้รับแผ่รังสีน้อยลงเช่นเดียวกัน” หากกังวลเสี่ยงปนเปื้อนกัมมันตรังสี ซีเซียม-137 สามารถติดต่อภาควิชาวิศวกรรมนิวเคลียร์ จุฬาฯ ตรวจวัดปริมาณรังสีโดยรอบได้

ผศ.ดร.พงษ์แพทย์ เพ่งวาณิชย์ หัวหน้าภาควิศวกรรมนิวเคลียร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ เปิดเผยว่า จากข้อมูลที่ได้รับทราบจากการรายงานข่าวของสื่อมวลชนว่ามีตรวจพบการปนเปื้อนของวัสดุกัมมันตรังสีซีเซียม-137 ที่โรงงานหลอมเหล็กแห่งหนึ่ง ซึ่งแสดงว่ามีวัสดุกัมมันตรังสีซีเซียม-137 ผ่านการแปรสภาพจากสภาพเดิมไปแล้ว แสดงว่า วัสดุกัมมันตรังสีซีเซียม-137 ได้ผ่านกระบวนการหลอมมาแล้วพร้อมกับโลหะอื่น  ซึ่งระหว่างกระบวนการหลอมสามารถเกิดผงฝุ่นปนเปื้อนวัสดุกัมมันตรังสีซีเซียม-137 ได้ เนื่องจากวัสดุกัมมันตรังสีซีเซียม-137 เป็นวัสดุควบคุมกำกับดูแลการใช้งานซึ่งโดยปกติจะไม่มีการส่งจัดการด้วยวิธีการหลอม ประกอบกับเงื่อนเวลาที่เกิดเหตุการณ์ขึ้น จึงมีความเป็นไปได้สูงที่ผลของการหลอมมาจากท่อบรรจุวัสดุกัมมันตรังสีซีเซียม-137 ที่ได้หายไปจากโรงไฟฟ้าพลังไอน้ำ ที่เจ้าหน้าที่กำลังตามหาอยู่

โดยปกติกระบวนการหลอมเหล็กที่ถูกต้องตามมาตรฐานสากลจะเป็นระบบปิด จึงไม่ควรเกิดการฟุ้งกระจายของผงฝุ่นที่เกิดขึ้นออกไปนอกเตาหลอม ซึ่งรวมถึงส่วนที่ปนเปื้อนสารกัมมันตรังสีตัวนี้ด้วย “ถ้าหากมีการหลอมปนไปกับเหล็กจริง  การหลอมจะทำให้สารกัมมันตรังสีที่แต่เดิมมีลักษณะเป็นก้อนเดียวแยกออกจากกันและมีการกระจายตัวออกไปทำให้ปริมาณรังสีที่แผ่ออกมาต่อพื้นที่ลดน้อยลง ส่งผลให้หากมีผู้ได้รับรังสีชนิดนี้ก็ได้รับอันตรายจากการได้รับแผ่รังสีน้อยลงเช่นเดียวกัน

อย่างไรก็ตาม “หากสารกัมมันตรังสีกลายเป็นอนุภาคขนาดเล็ก  หรือฝุ่น ซึ่งอาจเกิดการฟุ้งกระจายออกไปนอกบริเวณเก็บได้หากมีการปกคลุมไว้ไม่ดีพอ” ทำให้มีโอกาสที่มนุษย์จะสูดดมหรือบริโภคเข้าไปภายในร่างกายได้ “แต่ร่างกายมนุษย์มีกลไกที่สามารถกำจัดซีเซียมออกได้ หากไม่ได้สูดดมหรือบริโภคเข้าไปในปริมาณมาก ก็จะไม่ทำให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพ

หัวหน้าภาควิศวกรรมนิวเคลียร์ กล่าวว่า โดยปกติแล้วคนมีโอกาสได้รับรังสีจากสารกัมมันตรังสีซีเซียม-137 ที่แพร่กระจายด้วยกัน 2 วิธี คือ

วิธีแรก คือฝุ่นปนเปื้อนสารซีเซียม-137 อาจจะฟุ้งมาเกาะตามเสื้อผ้าหรือผิวหนัง โดยฝุ่นซีเซียม-137 นี้ สามารถแผ่รังสีที่ผิวหนังเราได้ หากถอดเสื้อผ้า ชำระล้างร่างกายทันทีด้วยน้ำเปล่า เราก็สามารถกำจัดฝุ่นหรือผงวัสดุกัมมันตรังสีออกจากร่างกายเราได้ 

วิธีที่สอง คือการที่เราสูดดมเอาฝุ่นปนเปื้อนสารซีเซียม-137 เข้าไปในร่างกาย หรือกินอาหารที่ปนเปื้อนสารซีเซียม-137 หรือที่มาเกาะบริเวณใกล้จมูกหรือปากเราแล้วมีการเผลอเข้าสู่ร่างกายเรา ก็จะมีการผ่านเข้าไปยังระบบทางเดินอาหาร หรือทางเดินหายใจ แต่ด้วยสารซีเซียม-137 นี้มีคุณสมบัติคล้ายกับโพแทสเซียม แม้ว่าจะกระจายไปตามส่วนต่าง  ของร่างกายได้ แต่ก็ถูกขับถ่ายออกมาจากร่างกายได้ค่อนข้างเร็วตามกลไกเดียวกันกับโพแทสเซียม 

หากมีการสะสมจะมีการสะสมตัวอยู่ที่เนื้อเยื่อ กล้ามเนื้อ แต่ก็จะสะสมอยู่ไม่นาน ประมาณ 10% สามารถกำจัดออกเร็วโดยจะมีค่าครึ่งชีวิตทางชีวภาพเพียง 2 วัน และส่วนที่เหลือจะถูกกำจัดออกด้วยค่าครึ่งชีวิตทางชีวภาพราว 110 วัน ซึ่งหมายความว่า “ซีเซียมที่ได้รับจะอยู่ในร่างกายไม่กี่เดือนเท่านั้น และการกำจัดจะเกิดขึ้นเร็วกว่าด้วยในเด็ก

แม้ฝุ่นปนเปื้อนสารซีเซียม-137 ที่ผ่านการหลอมแล้วจะยังแผ่รังสีอยู่ แต่หากมีการจัดการที่ถูกวิธีก็จะช่วยลดความเป็นไปได้ที่จะส่งผลเสียทั้งในระยะสั้นและระยะยาวต่อคนทั่วไปได้ เนื่องจากซีเซียม-137 ที่ผ่านการหล่อหลอมทำให้ความรุนแรงในการปล่อยรังสีต่อพื้นที่ลดน้อยลงไปมาก ต้องสัมผัสเป็นเวลานานจึงจะส่งผลใด  ต่อร่างกาย

ส่วนฝุ่นปนเปื้อนซีเซียม-137 ค่อนข้างเป็นสารที่มีน้ำหนักทำให้ไม่สามารถกระจายไปตามลมได้ไกลมากนัก ประกอบกับปริมาณที่ไม่มากเพราะส่วนใหญ่ยังอยู่ที่โรงหลอม การควบคุมพื้นที่ของการปนเปื้อนจึงดำเนินการได้ไม่ยากนัก

หากผู้ใดในพื้นที่มีความกังวลหรือคาดว่ามีโอกาสประสบกับการปนเปื้อนสารกัมมันตรังสีซีเซียม 137 สามารถติดต่อภาควิชาวิศวกรรมนิวเคลียร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ โทร. 0-2218-6781 เพื่อช่วยในการตรวจวัดปริมาณรังสีโดยรอบได้

อ่านความคิดเห็นของเพื่อนๆ ..คิดอย่างไรกับเรื่องนี้ เขียนเลย
Terms of Service © 2018 MCOT.net All rights reserved นโยบายข้อมูลส่วนบุคคล