ถ้าพูดถึง พระราหู หลายคนอาจนึกถึงดวงดาว การเปลี่ยนราศี หรือพิธีสะเดาะเคราะห์ แต่สำหรับสายมูตัวจริง!ต้องรู้จัก พระราหูอมจันทร์ กะลาตาเดียว หนึ่งในเครื่องรางอาถรรพ์ดังระดับประเทศ
และที่มาของมัน เริ่มต้นที่… วัดศีรษะทอง จ.นครปฐม
จุดกำเนิดวิชาพระราหู วัดศีรษะทอง
ตำนานนี้เริ่มต้นจาก หลวงพ่อไตร เจ้าอาวาสองค์แรกของวัดศีรษะทอง ผู้เชี่ยวชาญทางไสยศาสตร์และพุทธาคมว่ากันว่า ท่านได้นำ ตำราวิชาพระราหู มาจากเวียงจันทน์ ประเทศลาว และถ่ายทอดให้ลูกศิษย์สืบต่อกันมาในตำรานี้ มีการกล่าวถึงการสร้าง พระราหูอมจันทร์ โดยใช้ กะลามะพร้าวตาเดียว (หายากสุด ๆ)
เพราะเชื่อว่าเป็นวัตถุที่มีพลังลี้ลับในตัวเอง
หลวงพ่อน้อย คันธโชโต: ผู้ต่อยอดวิชา
เมื่อถึงยุคของ หลวงพ่อน้อย (พระครูสมุห์น้อย คันธโชโต) เจ้าอาวาสองค์ที่สองท่านได้ศึกษาและพัฒนาวิชาพระราหูอย่างจริงจังท่านไม่ได้แค่สร้างพระราหูเป็น “ของขลัง” แต่ใส่ใจทุกขั้นตอนไม่ว่าจะเป็นการเลือกกะลาตาเดียวจริง ๆการแกะลายอักขระยันต์ที่เกี่ยวข้องกับดวงดาวและที่สำคัญ…การทำพิธีเฉพาะช่วง สุริยคราส หรือ จันทรคราส เท่านั้นเพื่อให้พระราหูที่สร้างขึ้น “มีชีวิต มีพลัง”
ความเชื่อและพุทธคุณ
ทำไมพระราหูวัดศีรษะทองถึงดังขนาดนี้?
เพราะเชื่อกันว่า…ปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย เสริมโชคลาภและความสำเร็จ คุ้มครองผู้บูชาให้พ้นจากเคราะห์กรรม
เสริมดวงในช่วงราหูย้าย หรือช่วงดวงตก
สายมูจำนวนมากแห่กันมาที่วัดศีรษะทอง เพื่อบูชาพระราหูหรือทำพิธีสะเดาะเคราะห์
บางคนเชื่อว่าถ้าได้ของจากวัดไปบูชา จะช่วยหนุนดวงให้ “รอดปาฏิหาริย์” ในหลาย ๆ เรื่อง
วัดศีรษะทองวันนี้
ปัจจุบัน วัดศีรษะทองยังคงเป็นศูนย์รวมความศรัทธาไม่ใช่แค่เรื่องพระราหูเท่านั้น แต่ยังเป็นสถานที่เรียนรู้วัฒนธรรม ความเชื่อโบราณ และตำนานที่สืบต่อมาเป็นร้อยปี
ถ้าใครอยากสัมผัสบรรยากาศจริง ลองไปช่วงวันที่วัดจัดพิธีบูชาพระราหูนะ รับรองว่าได้ทั้งความรู้ ความขลัง และความขนลุกเบา ๆ!