ปัจจุบันทุกคนสามารถเข้าถึงสังคมออนไลน์ได้มากขึ้น มีโซเชียลมีเดียถืออยู่ในมือ หลายคนถูกรังแกผ่านทางโลกออนไลน์อยู่บ่อยครั้ง เพราะคนมักคิดว่า “โซเชียลมีเดียคือพื้นที่ส่วนตัว” สามารถใช้ระบายความรู้สึกได้ อย่างเต็มที่โดยไม่ต้องเกรงใจ จนทำให้หลายคนได้รับผลกระทบ และร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิต! วันนี้ Backbone MCOT จึงนำเอาบทความดี ๆ จากกรมสุขภาพจิตมาฝากทุกคนกันค่ะ “กลั่นแกล้งแบบไหนเป็น Cyberbullying?” ไปดูกันเลยค่ะ
1. การโจมตี ขู่ทำร้าย หรือใช้ถ้อยคำหยาบคาย
การโพสต์ด่าทอ ขู่เข็ญ ใช้ถ้อยคำที่รุนแรง หยาบคาย ทั้งทางแชตส่วนตัวหรือโพสต์ที่หน้าโซเชียลมีเดียของผู้ถูกกระทำ เช่น ขู่ว่าจะมาทำร้าย แม้ว่าจะไม่ได้มาทำร้ายจริง ๆ แต่เพียงข่มขู่ด้วยข้อความก็ถือว่าเข้าข่าย Cyberbullying แล้วนะคะ
2. การคุกคามทางเพศแบบออนไลน์
การพูดจาคุกคามทางเพศผ่านโซเชียลมีเดียสามารถพบเห็นได้ทั่วไป โดยเฉพาะทางไลฟ์เฟซบุ๊ก หรือแม้กระทั่งตามโพสต์ต่าง ๆ รวมไปถึงการส่งข้อมูลที่มีเนื้อหาอนาจารโดยที่ผู้รับไม่ได้ต้องการ การนำรูปไปตัดต่อเชิงลามก ก็ถือว่าเป็น Cyberbullying อย่างหนึ่งได้เหมือนกันค่ะ
3. การแอบอ้างตัวตนของผู้อื่น
ในข้อนี้จะเป็นกรณีที่มีผู้แอบอ้างตัวตนของเหยื่อ นำบัญชีนั้น ๆ ไปโพสต์ข้อความ คลิป หรือทำการกระทำต่าง ๆ ที่ทำให้เกิดผลเสียต่อเจ้าของบัญชีตัวจริง เช่น การที่เราเห็นใครล็อกอินเฟซบุ๊กทิ้งไว้แล้วเข้าไปโพสต์แกล้ง แต่เจ้าตัวเขาไม่ได้เต็มใจ การกระทำแบบนี้ก็ถือเป็นการคุกคามนะคะ
4. การแบล็กเมล์กัน
การนำความลับของผู้อื่นมาเผยแพร่ลงโซเชียลมีเดีย ทั้งภาพ คลิป เสียง เพื่อเป็นการใส่ร้ายป้ายสี เช่น การตัดต่อรูปภาพเขาแล้วนำมาประจาน แบบนี้ก็ถือว่าเป็นการคุกคามค่ะ
5. การหลอกลวง
การหลอก หลอกไปทำร้าย ทำอนาจาร หรือแม้แต่การหลอกให้ซื้อของออนไลน์โดยให้โอนเงินไปแล้วโกง แบบนี้ก็คุกคามนะคะ
6. การสร้างกลุ่มในโซเชียลเพื่อโจมตีโดยเฉพาะ
ที่เรารู้จักกันดีในนามของการตั้งเพจมา Anti เพื่อโจมดีเป้าหมาย จับผิดการกระทำ โพสต์ข้อความให้เกิดการเกลียดชัง แบบนี้ก็เข้าข่าย Cyberbullying ค่ะ
เห็นแบบนี้แล้ว บางคนอาจจะมีพฤติกรรมบางอย่างที่เข้าข่าย Cyberbullying โดยไม่ได้ตั้งใจ แค่อยากจะแกล้งเพื่อนเฉย ๆ คิดว่าเพื่อนอาจจะไม่เป็นไร และไม่ได้ตั้งใจจะบูลลี่ แต่หากเจ้าตัวเขาไม่ได้เต็มใจหรือรู้สึกไม่ได้สนุกหรือมีความสุขด้วย ก็อย่าทำเลยค่ะ