โนโว นอร์ดิสค์ มุ่งยกระดับคุณภาพชีวิตผู้ป่วย มุ่งเน้นรักษาโรคอ้วน-เบาหวาน ทุ่มทุนวิจัยพัฒนา 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
โรคอ้วนทั่วโลกมีอัตราพุ่งสูงเกือบ 40% ซึ่งประเทศไทยเองก็มีตัวเลขใกล้เคียงกัน
ปัจจุบันอุตสาหกรรมยาและเวชภัณฑ์กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั่วโลกมีมูลค่ากว่า 1.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ แรงขับเคลื่อนหลักเกิดจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นประชากรโลกสูงวัย ผู้คนมีอายุยืนยาวมากขึ้น และป่วยเป็นโรคเรื้อรังมากขึ้น ส่งผลให้ต้องพึ่งพายาในการรักษาต่อเนื่อง รวมถึงความก้าวหน้าของเทคโนโลยีทางการแพทย์ อีกทั้งกระแสการใส่ใจสุขภาพที่ผู้คนหันมาดูแลสุขภาพกันมากขึ้น
‘Novo Nordisk’ หนึ่งในบริษัทฯ นวัตกรรมเวชภัณฑ์ชั้นนำที่ดูแลสุขภาพระดับโลก นายเอ็นริโก้ คานัล บรูแลนด์(Enrico Cañal Bruland) รองประธานกรรมการและผู้จัดการทั่วไป บริษัท โนโว นอร์ดิสค์ ฟาร์มา ประเทศไทย จำกัดเผยว่า โนโว นอร์ดิสค์ เรามุ่งเน้นการพัฒนายาและบริการด้านการดูแลสุขภาพสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน โรคอ้วนและโรคเรื้อรังอื่นๆ บริษัทฯ มีประวัติยาวนานกว่า 100 ปี ที่ผ่านมาบริษัทให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อพัฒนายาใหม่ๆ ที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยมากขึ้น รวมถึงมีการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนามาโดยตลอด โดยในปี 2566 ที่ผ่านมา บริษัทมีการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนากว่า 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อปรับปรุงคุณภาพชีวิตผู้ป่วยทั่วโลกให้ดียิ่งขึ้น
สำหรับประเทศไทย โนโว นอร์ดิสค์มีการทำการวิจัยทางคลินิก (Clinical Trials) ไม่ต่ำกว่า 10 งานวิจัย ซึ่งประเทศไทยมีโครงสร้างพื้นฐานที่พร้อม และมีบุคลากรทางการแพทย์ที่เป็นมีองค์ความรู้ที่ครบถ้วน นับเป็นการสร้างประโยชน์ให้กับทุกฝ่าย ประกอบด้วย
1) ผู้ป่วยได้รับนวัตกรรมใหม่ๆ ซึ่งช่วยเพิ่มโอกาสในการรักษาและเพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
2) บุคลากรทางการแพทย์ ได้รับประสบการณ์การใช้เทคโนโลยีใหม่และองค์ความรู้ใหม่ๆ ในการรักษา
3) กลุ่มตัวอย่างที่เป็นคนไทย จะช่วยเอื้อให้การขอขึ้นทะเบียนยาใหม่กับ อย. ได้รับอนุมัติเร็วขึ้น เพราะมีข้อมูลพื้นฐานตั้งแต่ในช่วงของการพัฒนายาตั้งแต่ระยะต้น
ขณะที่ผู้ป่วยโรคเบาหวาน โรคอ้วน และกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรังอื่นๆ (NCDs) ยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยโรคอ้วนทั่วโลกมีอัตราพุ่งสูงเกือบ 40% ซึ่งประเทศไทยเองก็มีตัวเลขใกล้เคียงกัน อีกทั้งผู้ที่มีน้ำหนักเกินและอ้วนยังมีความเสี่ยงเป็นโรคเบาหวานเพิ่มสูงถึง 10% โชคดีที่ประเทศไทยมีระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้า ช่วยให้เราสามารถรับมือกับปัญหาเหล่านี้ได้ในระดับหนึ่ง แต่ยังมีอีกหลายด้านที่ต้องเร่งดำเนินการเพื่อป้องกันวิกฤตที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต เนื่องจากภาวะอ้วนอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพมากมายถึง 200 กว่าโรค รวมถึงโรคเบาหวานและโรคหัวใจ ซึ่งในแต่ละปีมีอัตราผู้ป่วยเบาหวานรายใหม่เพิ่มขึ้นกว่า 100,000 คน และมีคนไทยเป็นโรคเบาหวานกว่า 6 ล้านคน ซึ่งเกิดจากปัญหาโรคอ้วนและพฤติกรรมการใช้ชีวิตในสังคมปัจจุบัน นับเป็นปัญหาสาธารณสุขอันดับต้นๆ ที่นำไปสู่ภาวะทุพพลภาพและสูญเสียชีวิตได้ ทั้งนี้ต้องอาศัยความร่วมมือที่แข็งแกร่งระหว่างภาครัฐและเอกชน ซึ่งโนโว นอร์ดิสค์ ตระหนักถึงความสำคัญของการใช้แนวทางแบบองค์รวม และเข้าใจว่าไม่มีใครสามารถแก้ปัญหานี้ได้เพียงลำพัง ความร่วมมือของภาครัฐ ภาคเอกชน รวมถึงครอบครัว ชุมชน โรงเรียน และประชาชนทุกคน จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืน
นายเอ็นริโก้ คานัล บรูแลนด์ กล่าวเสริมว่า การที่มีนโยบายหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าในประเทศไทย ถือเป็นข้อโดดเด่นอีกประการที่ทำให้อุตสาหกรรมยาของประเทศสามารถดึงดูดการลงทุนในระดับภูมิภาคได้ แต่ถึงแม้ไทยจะมีโครงสร้างพื้นฐานด้านสาธารณสุขที่ดีในระดับหนึ่ง แต่ก็ยังมีช่องว่างอยู่แบ่งเป็น 3 ข้อหลักๆ ที่ต้องให้ความสำคัญมากขึ้น ได้แก่
1. ควรส่งเสริมด้านการศึกษา ความรู้และสร้างความตระหนักรู้เรื่องโรคเบาหวานและวิธีการรับมือ ให้ครอบคลุมในเรื่องโภชนาการ การใช้ชีวิต และการออกกำลังกาย เพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจที่เพียงพอในการดูแลและควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน
2. เพิ่มช่องทางในการเข้าถึงบริการสุขภาพ สำหรับคนเมืองและคนต่างจังหวัด ที่ยังมีความแตกต่างในการเข้าบริการสุขภาพที่ค่อนข้างสูง ในส่วนนี้ โนโว นอร์ดิสค์ ฟาร์มา (ประเทศไทย) ได้ร่วมมือกับกรมการแพทย์ ริเริ่มโครงการAffordability Project มีระยะเวลา 3 ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2565 – 2568 เพื่อให้ผู้ป่วยกลุ่มเปราะบางสามารถเข้าถึงการคัดกรอง การวินิจฉัย และการรักษาโรคเบาหวานในพื้นที่ชนบทอย่างมีประสิทธิภาพ
3. นวัตกรรมและการพัฒนาเทคโนโลยีรักษาโรคให้ดีขึ้น ใช้งานสะดวกขึ้น เข้าถึงผู้ป่วยได้ง่ายขึ้น และปลอดภัย