ไทยเตรียมส่ง “ต้มยำกุ้ง” ที่เพิ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกวัฒนธรรม โดย UNESCO พร้อมด้วยอีก 12 เมนูอาหารไทย ขึ้นเสิร์ฟให้ผู้นำโลก ในการประชุม World Economic Forum 2025 ที่เมืองดาวอส สวิตเซอร์แลนด์
นายพูนเพิ่ม ไพทยวัฒน์ รองประธานมูลนิธิเชฟแคร์ส และกรรมการผู้จัดการ บริษัท เชฟแคร์ส โปรเจกต์ จำกัด เล่าถึงกิจกรรมที่ได้ร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ และพันธมิตร เข้าไปสนับสนุนการจัดอาหารดูแลผู้นำประเทศและซีอีโอในงาน “THAILAND RECEPTION” ภายใต้แนวคิด “NOURISHING THE FUTURE FOR ALL” ในวันที่ 22 มกราคม 2568 นี้
งานนี้ถือได้ว่าเป็นการจุดพลุ Soft Power “อาหารไทย” เลยทีเดียว เพราะสภาเศรษฐกิจโลก (World Economic Forum : WEF) จัดประชุมทุกปีที่ เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งไม่เคยมีกิจกรรมที่เปิดโอกาสให้เอกชนไทยเข้าไปร่วมแจมแบบนี้มาก่อน การจัดเมนูอาหารไทยครั้งนี้จะได้รับการประชาสัมพันธ์ทางอ้อมผ่านไปทางผู้นำประมาณ 500-600 คน ทั่วโลก
“งานครั้งนี้ เชฟแคร์สร่วมกับเชฟชั้นนำผลักดันวัฒนธรรมอาหารไทย สู่ Soft Power ระดับโลก ขับเคลื่อนนโยบายการส่งเสริม Soft Power ว่าอาหารไทยมีความหลากหลาย มีประโยชน์ อาหารเป็นยา มีภูมิปัญญา อีกทั้งไทยยังเป็นผู้นำในการพัฒนานวัตกรรมอาหาร ในฐานะครัวของโลกด้วย”
ในการจัดงานครั้งนี้ มูลนิธิเชฟแคร์ส นำโดย “คุณมาริษา เจียรวนนท์” ประธานบริหารและผู้ก่อตั้ง พร้อมพันธมิตรเชฟชั้นนำจากประเทศไทย เชฟชุมพล แจ้งไพร ประธานอนุกรรมการคณะกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้านอาหาร และ กรรมการยุทธศาสตร์ ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ เชฟนูรอ โซ๊ะมณี สเต็ปเป้ เชฟและผู้ก่อตั้ง Blue Elephant Group และเชฟแอน ศุภณัฐ คณารักษ์ เชฟและผู้ศึกษาประวัติศาสตร์อาหารไทยในเชิงปฏิบัติการ เตรียมนำเสนอเมนูอาหารไทยหลากมิติ จากอาหารชาววัง สูตรอาหารพื้นที่ประจำภาค
โดยชูไฮไลท์นวัตกรรมอาหาร และนวัตกรรมเชิงเกษตร เช่น การใช้โปรตีนจากพืช แบรนด์ MEAT ZERO ข้าวหอมมะลิยั่งยืน ที่ผ่านการปลูกใช้กระบวนการลดคาร์บอน รวมทั้งวัตถุดิบชั้นนำอื่นๆ จากเครือเจริญโภคภัณฑ์ ประยุกต์เป็นอาหารไทยที่สะท้อนถึงความสำคัญในเชิงสุขภาพและการท่องเที่ยว
นายชุมพล แจ้งไพร ประธานอนุกรรมการคณะกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้านอาหาร และ กรรมการยุทธศาสตร์ ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ยังเผยอีกว่า งานนี้ไทยนำเมนูอาหารยอดนิยม ICONIC THAI DISHES ที่เตรียมจะนำเสนอ จะมีทั้ง
-ก๋วยเตี๋ยว
-ส้มตำส้มตำไก่ย่างสไตล์ไทย
-น้ำพริกอ่องใส่มะเขือเทศ เหนียวและผักต่างๆ
-กะเพราหมู
-แกงเขียวหวานไก่
-แกงมัสมั่นเนื้อแกะ
-ต้มยำกุ้ง
-ม้าฮ่อ
-แตงโมปลาแห้ง
-ไก่กอ
-โรลปลาสมุนไพรกับซอสมะเขือเทศ
-ลาบเนื้อใส่สมุนไพร
–ต้มย้ำกุ้งน้ำข้น และต้มยำกุ้งน้ำใส เป็นซึ่งเป็นเมนูที่เพิ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกวัฒนธรรม โดย UNESCO เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2567 ที่ผ่านมา
“เชฟนูรอ โซ๊ะมณี สเต็ปเป้” ผู้ก่อตั้ง Blue Elephant Group บอกว่า หัวใจสำคัญในการเตรียมความพร้อมนำอาหารไทยไปจัดในงานครั้งนี้ คือ เรื่องการคัดสรรวัตถุดิบที่มีคุณภาพดี ซึ่ง CPF เป็นบริษัทที่สนับสนุนวัตถุดิบสำหรับใช้ในการจัดกิจกรรม เช่น การใช้กุ้งแปซิฟิก สำหรับทำต้มยำกุ้ง, ไก่ สำหรับทำไก่ย่างและแกงเขียวหวานไก่ รวมถึงเนื้อบดจากพืชสำหรับทำน้ำพริกอ่องและผัดกระเพรา นอกจากนั้นยังมี ผลิตภัณฑ์ข้าวตราฉัตร ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 40% ของวัตถุดิบทั้งหมดด้วย
การจัดกิจกรรมครั้งนี้ “มูลนิธิเชฟแคร์ส” สานต่อการทำงานตามพันธกิจหลัก ในการนำศาสตร์และศิลป์การทำอาหารมาพัฒนาสร้างความเปลี่ยนแปลงเชิงบวกให้สังคมอย่างยั่งยืน สร้างโครงการต่อยอดเชิงวัฒนธรรม และภูมิปัญญา ต่อยอด Soft Power อาหารไทยไปสู่เวทีโลก หากสำเร็จประโยชน์ที่จะได้รับไม่ใช่เพียงแต่อาหารไทย แต่ยังส่งตรงไปถึงเกษตรกรไทยให้มีรายได้และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอีกด้วย