X
มาตรฐานยูโรคืออะไร ? เกี่ยวอย่างไรกับปัญหาฝุ่น

มาตรฐานยูโรคืออะไร ? เกี่ยวอย่างไรกับปัญหาฝุ่น

14 ธ.ค. 2566
7760 views
ขนาดตัวอักษร

14 ธ.ค. 66 - พลันที่ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครออกมาให้ความเห็นถึงรถยนต์ว่าปล่อยฝุ่น ควัน และ มลภาวะจำนวนมาก โดยเฉพาะรถยนต์เก่าที่เป็นเครื่องยูโร 3 หลาย ๆ ท่านคงเกิดคำถามในใจว่า เครื่องยนต์ยูโร 3 คืออะไร วันนี้เรามาหาคำตอบกัน





ยูโรก็คือ มาตรการปล่อยมลภาวะของรถยนต์ยุโรป ที่กลายเป็นมาตรฐานไปทั่วโลกนั่นเอง โดยมีชื่อเต็ม ๆ ว่า "Euro emissions standards" ตั้งแต่ก่อนปี ค.ศ.1990 รถยนต์ทุกคันที่จะเข้าตลาดเพื่อจำหน่ายในยุโรป จำเป็นที่จะต้องระบุและผ่านมาตรฐาน Euro emissions standards เพื่อควบคุมอัตราการปล่อยมลพิษของรถยนต์

Euro emissions standards ถูกกำหนดขึ้นครั้งแรกในปี ค.ศ.1970 แต่มาตรฐาน Euro 1 ถูกประกาศบังคับใช้ครั้งแรกในปี ค.ศ.1992 เพื่อควบคุมการปล่อยไอเสียของรถยนต์เครื่องเบนซินให้มีความเหมาะสมโดยมีจุดประสงค์หลักก็คือ ต้องการที่จะควบคุมปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของรถยนต์

Euro 1 เริ่มต้น ปี ค.ศ.1992

ข้อกำหนดของมาตรฐานยูโร 1 ในปี ค.ศ.1992 คือต้องเปลี่ยนไปใช้น้ำมันเชื้อเพลิงแบบไร้สารตะกั่วเท่านั้นและจะต้องมีอุปกรณ์เครื่องฟอกไอเสียให้เป็นรถยนต์เบนซินเพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ (CO)

Euro 2 เริ่มต้นปี ค.ศ.1996

มาตรฐาน Euro 2 ได้เพิ่มความเข้มงวดโดยลดปริมาณสารพิษที่จะถูกปล่อยจากรถยนต์ให้น้อยลง ทั้งการปล่อยก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์, ไฮโดรคาร์บอนที่ไม่เผาไหม้และออกไซด์ของไนโตรเจน ทั้งนี้มาตรฐาน Euro 2 ได้กำหนดมาตรฐานที่แตกต่างกันสำหรับเครื่องยนต์เบนซินและดีเซล จากยูโร 1 ที่เน้นรถยนต์เบนซินมากกว่า

Euro 3  ในปี ค.ศ.2000

Euro 3 ได้ปรับเปลี่ยนขั้นตอนการทดสอบเพื่อลดระยะเวลาการอุ่นเครื่องยนต์เพื่อให้ทันสมัยกับรถยนต์ในสมัยนั้น และยังกำหนดให้ลดปริมาณการปล่อยคาร์บอนมอนอกไซด์และการปล่อยฝุ่นละอองของเครื่องยนต์ดีเซล นอกจากนี้ Euro 3 ยังเพิ่มการจำกัด NOx สำหรับเครื่องยนต์ดีเซลและแยกหัวข้อการจำกัด HC และ NOx สำหรับเครื่องยนต์เบนซิน

Euro 4  ในปี ค.ศ.2005

เนื่องมาจากในช่วงการบังคับใช้มาตรฐานนี้ รถยนต์เครื่องดีเซลได้มีความนิยมใช้งานอย่างแพร่หลายทั้งการใช้งานส่วนบุคคลและในเชิงพาณิชย์ เช่น เพื่อการขนส่ง จึงต้องมุ่งเน้นกับการลดปล่อยมลพิษจากรถยนต์ดีเซลโดยเฉพาะอย่างยิ่งการลดฝุ่นละออง (PM) และออกไซด์ของไนโตรเจน (NOx) จนทำให้รถยนต์ดีเซล Euro 4 บางคันต้องติดตั้งตัวกรองฝุ่นละอองเพื่อให้ผ่านมาตรฐาน

Euro 5 ในปี ค.ศ.2009

Euro 5 เพิ่มความเข้มงวดของการปล่อยฝุ่นละอองจากเครื่องยนต์ดีเซลเป็นอย่างมาก โดยรถยนต์ดีเซลทุกคันต้องติดตั้งตัวกรองฝุ่นละออง ส่วนข้อจำกัด NOx ก็เข้มงวดมากขึ้นเช่นกัน โดยต้องลดลง 28% เมื่อเทียบกับ Euro 4 และเป็นครั้งแรกที่มีการจำกัดปริมาณฝุ่นละอองสำหรับเครื่องยนต์เบนซินที่เป็นแบบจุดระเบิดโดยตรง

และล่าสุด Euro 6 ในปี ค.ศ.2014

มาตรฐาน Euro 6 กำหนดให้ลดการปล่อย NOx อย่างมีนัยสำคัญจากเครื่องยนต์ดีเซล (ลดลง 67% เมื่อเทียบกับ Euro 5) และกำหนดมาตรฐานที่คล้ายคลึงกันสำหรับน้ำมันเบนซินและดีเซล ซึ่งปัจจุบันมาตรฐานยูโร 6 นับว่าเป็นมาตรฐานสูงที่สุดในปัจจุบัน




ข้อมูลจากสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) ระบุว่า  มาตรฐานบังคับให้บริษัทรถยนต์ยกระดับมาตรฐานเครื่องยนต์จากยูโร 4 เป็นยูโร 5 ซึ่งจะลดฝุ่นละอองจากเครื่องยนต์ลงได้ถึง 5 เท่า และลดฝุ่นลงได้ถึง 37,000 ตันต่อปี หรือลดลงจากเดิม 80% ภายในปี 2564 ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาระยะยาว ส่วนรถยนต์ไฮบริด และปลั๊กอินไฮบริด จะกำหนดมาตรฐานระดับยูโร 6 ซึ่งเป็นมาตรฐานน้ำมันสูงสุด จะลดไนโตรเจนออกไซด์ได้มากกว่ายูโร 5





ที่ผ่านมาไทยมีแผนจะยกระดับมาตรฐานน้ำมันห่างจากยุโรปไม่เกิน 2 ปี แต่เมื่อยุโรปใช้ยูโร 1 ปี 2535 ไทยใช้ปี 2539 และเมื่อยุโรปใช้ยูโร 2 ปี 2539 ไทยใช้ปี 2542 รวมทั้งเมื่อยุโรปใช้ยูโร 3 ปี 2543 ไทยใช้ปี 2548 และเมื่อยุโรปใช้ยูโร 4 ในปี 2548 ไทยใช้ ปี 2555 ตามหลัง 7 ปี และยุโรปใช้มาตรฐานยูโร 5 ปี 2552 ซึ่งค่ายรถในไทยจะใช้ปี 2567 จะตามยุโรปถึง 15 ปี และยิ่งไปกว่านั้น ยูโร 6 เรายังตามแบบมองไม่เห็นยกเว้นทางค่ายรถยนต์จะออกมาตรฐานมาเอง





รวมถึงน้ำมันปัจจุบันรัฐบาลไทยยังพึ่งกำหนดมาตรฐานน้ำมันถึงยูโร 5 เมื่อไม่นานมานี้ และจะบังคับใช้จริง ๆ ในปี 2567 ซึ่งก็มีบางผู้ให้บริการน้ำมันที่เคลมว่าใช้มาตรฐานยูโร 5 มาตั้งแต่ต้น และกว่าจะถึงมาตรฐานยูโร 6 น่าจะอีกนาน




ปัญหาเรื่องของเครื่องยนต์ การปล่อยมลภาวะ ยังคงเป็นปัญหาที่ต้องแก้กันต่อไป เพราะการที่จะเปลี่ยนรถยนต์ทั้งหมดให้กลายเป็นรถยนต์ที่ปล่อยมลภาวะต่ำระดับยูโร 5-6 ก็ต้องใช้งบประมาณมหาศาล โดยเฉพาะรถในกลุ่มสาธารณะเช่นรถเมล์รวมทั้งรถยนต์นั่งส่วนบุคคลที่มีราคาสูงคงไม่สามารถเปลี่ยนรถยนต์ทุก 5 ปีกันได้ทุกคน ก็นับว่าการแก้ไขปัญหามลพิษฝุ่น PM2.5 จากรถยนต์ก็เป็นเรื่องที่ยากเนื่องจากปัจจัยหลายส่วน





ขอบคุณข้อมูลจาก https://www.scimath.org/article-chemistry/item/10450-euro-3-4-5

https://energy-thaichamber.org/euro5-car/#:~:text=%E2%80%9C%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%90%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%A2%E0%B8%B9%E0%B9%82%E0%B8%A3%20%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%90%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD,%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%9D%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%99%20PM2.5)%20%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B9%89

อ่านความคิดเห็นของเพื่อนๆ ..คิดอย่างไรกับเรื่องนี้ เขียนเลย
Terms of Service © 2025 MCOT.net All rights reserved นโยบายข้อมูลส่วนบุคคล นโยบายการรักษาความมั่นคงปลอดภัยเว็บไซต์ นโยบายเว็บไซต์ของ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน)