8 เม.ย.64 - สกสว. – หน่วยวิจัยแคลเซียมและกระดูก มหาวิทยาลัยมหิดล ชวนอ่าน “กระดูก เรื่องไม่ลับ ฉบับพกพา” เตือนภัย กินแคลเซียมเกินโดสมีโทษมากกว่าคุณ
สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) ร่วมกับ หน่วยวิจัยด้านแคลเซียมและกระดูกภาควิชาสรีรวิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดตัวหนังสือ “กระดูก เรื่องไม่ลับ ฉบับพกพา” ในงานTSRI Book Event โชว์หนังสือใหม่จากร้านหนังสือ สกสว. ที่จัดทำขึ้น เพื่อสื่อสารความรู้ สร้างความเข้าใจไปยังประชาชน เกี่ยวกับการดูและรักษากระดูกของผู้คนไทยทุกช่วงวัย
ศ.ดร.นพ.นรัตพล เจริญพันธุ์ หัวหน้าหน่วยวิจัยด้านแคลเซียมและกระดูก ภาควิชาสรีรวิทยา คณะวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า หนังสือเล่มนี้ต้องการสร้างความเข้าใจ สื่อสารความรู้จากวิทยาศาสตร์พื้นฐานและวิทยาศาสตร์ประยุกต์สามารถจับต้องได้ โดยเฉพาะเรื่องกระดูกที่ผู้คนส่วนใหญ่มองว่าเป็นเรื่องของผู้สูงอายุเท่านั้นที่ต้องดูแล ซึ่งแท้จริงแล้วกระดูกมีความซับซ้อนเชิงโครงสร้างมากกว่านั้น
เนื่องจากกระดูกเป็นเนื้อเยื่อของร่างกาย สีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา คือมีการสลายและสร้างใหม่ตลอดชีวิตเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงนี้ค่อยๆเกิดขึ้นทีละน้อยในระดับเล็ก จึงสังเกตเห็นได้ยาก
อีกทั้งยังอาจสับสนเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพกระดูกอย่างถูกต้อง เกี่ยวกับกระดูกพรุน การออกกำลังกาย การรับประทานอาหารที่เสริมสร้างกระดูก รวมไปถึงการรับประทานยาหรืออาหารเสริมแคลเซียม ซึ่งหากดูแลผิดวิธีอาจทำให้เกิดผลเสียต่อร่างกายตามมาได้
หนังสือเล่มนี้ ตั้งใจจัดทำมาขึ้นเพื่อให้ผู้อ่าน ได้รับข้อมูลความรู้ ถึงการทำงานของแคลเซียมและการสร้างกระดูก รวมถึงการดูแลสุขภาพกระดูกในช่วงวัยต่างๆตั้งแต่เด็กจนถึงสูงอายุ
ทั้งนี้ตามหลักแล้วคนแต่ละคนช่วงอายุต้องการแคลเซียมที่แตกต่างกัน แต่ควรได้รับอย่างน้อง 800 มิลลิกรัมต่อวันหากได้รับปริมาณเพียงพอแล้วก็ไม่จำเป็นต้องรับประทานอาหารเสริม โดยกระทรวงสาธารณสุขระบุไว้แล้ว ท้ายที่สุดต้องอยู่ในภาวะสมดุล ไม่มากหรือน้อยเกินไป ดังนั้นการเสริมแคลเซียมจึงหมายความว่าคือเสริมให้ปริมาณเพียงพอไม่เกินขนาดที่ระบุไว้
ด้าน ศ.เกียรติคุณ ดร.นทีทิพย์ กฤษณามระ คณะกรรมการการจัดการความรู้ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดลกล่าวว่า แคลเซียมเปรียบเสมือนสารอาหารสำคัญที่ช่วยบำรุง รักษากระดูก กระดูกเป็นเหมือนเคหสถานที่กักเก็บแคลเซียม ปริมาณแคลเซียมควรมีความสมดุลที่เหมาะสมกับในเลือด ในเซลล์ การส่งสัญญาณประสาท การเต้นของหัวใจ การหลั่งกรดในกระเพาะ ล้วนแล้วแต่ใช้แคลเซียมเป็นองค์ประกอบสำคัญ การทำงานของร่างกาย เราขาดแคลเซียมไม่ได้
ผศ.ดร.นพ.ณัฐพล ภาณุพินธุ นักวิจัยจากหน่วยวิจัยด้านแคลเซียมและกระดูก ภาควิชาสรีรวิทยา คณะวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า กระดูกมีหน้าที่ปกป้องอวัยวะต่างๆในร่างกายเอาไว้เช่น หัวใจ ปอด แต่หน้าที่หลักคือ การรักษาสมดุลแคลเซียมในร่างกาย ในกรณีที่บางคนรับประทานนมไม่ได้ อาจปรับเป็นการรับประทาน “นมแลคโตสฟรี” หรือ “โยเกิร์ต” แทน
โดยเมื่ออายุ 35 ปี ขึ้นไป มวลกระดูกลดลง และในผู้หญิงช่วงวัยที่อายุ 65 ปีขึ้นไป ควรรับประทานแคลเซียม 1,000 มิลลิกรัมต่อวัน ไม่ควรรับประทานเกินไปกว่านั้น จะมีภาวะกระดูกพรุนเนื่องจากฮอร์โมนเพศที่ช่วยกระตุ้นการเกิดมวลกระดูกลดลง วิธีการป้องกันคือ การออกกำลังกายให้เหมาะสมกับช่วงวัยเพื่อรักษากระดูก และปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดภาวะกระดูกพรุนมากขึ้นคือ การไม่รักษาระดับน้ำตาลในเลือด หากมีระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงขึ้นอย่างคนเป็นเบาหวาน จะส่งผลข้างเคียงต่อกระดูกด้วยเช่นกัน
สำหรับหนังสือ “กระดูก เรื่องไม่ลับ ฉบับพกพา” และหนังสือให้ความรู้เรื่องกระดูกและแคลเซียมเล่มอื่นๆ อย่าง“กระดูกที่ดีต้องมีแคลเซียม” “ลิลลี่กับยาวิเศษของพี่โบน” มีจำหน่ายที่ร้านหนังสือ สกสว. (https://www.facebook.com/booktsri) และ ร้านหนังสือชั้นนำทั่วประเทศ