อารังเซบ คาน รองประธานอาวุโส ระบบแสดงผลภาพอัจฉริยะของจาบร้า กล่าวว่า ปัจจุบันนี้แม้ว่าพนักงานจะกลับเข้ามาทำงานที่ออฟฟิศตามปกติมากขึ้น แต่ความต้องการของตลาดอุปกรณ์และโซลูชั่นด้านการประชุมออนไลน์ยังคงเติบโต หลายองค์กรมีการปรับรูปแบบการทำงานมาเป็นแบบไฮบริดที่ยืดหยุ่นโดยให้พนักงานสามารถทำงานได้ทั้งที่บ้านและออฟฟิศ รวมทั้งสามารถนำอุปกรณ์ส่วนตัวมาใช้ในการติดต่อสื่อสารเพื่อการทำงานมากขึ้น ทำให้องค์กรมองหาโซลูชั่นห้องประชุมที่รองรับการทำงานระยะไกลและจัดการกับอุปกรณ์ส่วนตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับผลสำรวจที่พบว่า พนักงานส่วนใหญ่ต้องการมีส่วนร่วมอย่างเท่าเทียมในการทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่นในทุกที่ทุกเวลามากขึ้น เราจึงมีความจำเป็นต้องปรับปรุงความสามารถของระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ให้ตอบสนองเทรนด์การทำงานยุคใหม่ จนนำมาสู่ Jabra PanaCast 50 Video Bar System ในครั้งนี้ และเรารู้สึกตื่นเต้นมากที่ได้นำโซลูชั่นวิดีโอคอนเฟอเรนซ์รุ่นใหม่มาจัดแสดงในประเทศไทยเป็นประเทศแรกในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
Jabra PanaCast 50 Video Bar System วิดีโอคอนเฟอเรนซ์สำหรับห้องประชุมขนาดเล็กถึงขนาดกลางที่สมบูรณ์แบบที่สุดในกลุ่ม Jabra PanaCast 50 โดย Jabra PanaCast 50 Video Bar System สามารถรองรับการใช้งานได้กับอุปกรณ์พกพาขนาดเล็กชนิดต่าง ๆ ทำให้เป็นอุปกรณ์ที่ใช้งานง่ายและมีประสิทธิภาพ ทั้งยังรองรับการประชุมได้ทั้ง Teams Rooms และ Zoom Rooms บนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ ทำให้ผู้เข้าประชุมสามารถสลับระบบได้ตามต้องการ เพื่อเข้าประชุมได้อย่างรวดเร็วไม่ว่าจะอยู่ที่ใดโดยไม่จำเป็นต้องมีอุปกรณ์คอมพิวเตอร์เพิ่มเติม มาพร้อมกับกล้องอัจฉริยะที่มีความละเอียดสูงระดับ 4K ที่ให้มาถึง 3 ตัวและให้มุมมองการรับภาพกว้างถึง 180 องศา ทั้งยังมีระบบซูมอัจฉริยะ และ Dynamic Composition ที่ช่วยให้มองเห็นผู้เข้าร่วมประชุมครบทุกคนบนหน้าจอไม่ว่าพวกเขาจะนั่งมุมใดก็ตาม ทั้งยังสามารถซูมภาพผู้พูดในขณะประชุมได้อัตโนมัติ ด้วยจอแสดงผลขนาดใหญ่ 10.1 นิ้ว ที่มาพร้อมเซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวของผู้เข้าร่วมประชุมได้มีประสิทธิภาพ
มีไมโครโฟน Beamforming จำนวน 8 ตัว ที่นำเทคโนโลยีตรวจจับเสียงอัจฉริยะมาช่วยลบเสียงสะท้อนและเสียงรบกวนรอบข้าง จะช่วยให้ผู้เข้าร่วมประชุมได้ยินเสียงสนทนาอย่างชัดเจนโดยไม่ต้องเชื่อมต่อไมโครโฟนเพิ่ม ผสานการทำงานร่วมกับลำโพงทรงพลัง 4 ตัวที่ให้เสียงคมชัดราวกับอยู่ในห้องประชุมจริง อีกทั้งยังนำเอาระบบ AI มาช่วยในการประมวลผลเพื่อมอบประสบการณ์การทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น รวมถึงระบบยังปลอดภัยและทำงานง่ายด้วยการแตะเพียงครั้งเดียว
นายสถาพร สัมภวะผล ผู้จัดการประจำประเทศไทย และภูมิภาคอินโดจีน ส่วนธุรกิจองค์กร กล่าวว่า จาบร้าให้ความสำคัญกับประสบการณ์การทำงานของลูกค้ามาโดยตลอด โดยยึดหลักความต้องการลูกค้าเป็นตัวตั้ง ผนวกเข้ากับเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยและเทรนด์การทำงานยุคใหม่ เพื่อพัฒนาโซลูชั่นให้รองรับไลฟ์สไตล์ของคนทำงานได้อย่างแท้จริง โดยปัจจุบันนี้จะเห็นว่าวิถีการทำงานแบบยืดหยุ่นยังคงเป็นเทรนด์ที่มาแรง ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ได้เป็นอย่างดี ฐานลูกค้าของจาบร้ามีลูกค้าต่างชาติจำนวนมาก โดยส่วนใหญ่กลับไปทำงานในออฟฟิศสัปดาห์ละ 2 วัน และยังคงทำงานจากทุกที่ ขณะที่บริษัทส่วนใหญ่ปรับปรุงพื้นที่ทำงาน ลดพื้นที่ องค์กรเหล่านี้มีการลงทุนใช้ วิดีโอคอนเฟอเรนซ์เพื่อรองรับการทำงานที่เปลี่ยนไป