คริสต์มาสคือเทศกาลแห่งความสุขที่ชาวคริสต์ทั่วโลกรอคอย คริสต์มาส ในมุมพิธีกรรมจะมีพิธีมิสซาของพระคริสต์ หรือวันสมโภชพระคริสตสมภพ จัดเป็นประจำทุกปีเพื่อเฉลิมฉลองการประสูติของพระเยซู มักจัดวันที่ 25 ธันวาคม เป็นวันหยุดทางศาสนาและวัฒนธรรม
วันคริสต์มาส มีเรื่องราวที่น่าสนใจ เรื่องเล่าวันคริสต์มาส มีทั้งเรื่องน่าสนุกและเรื่องน่ากลัว เริ่มจาก
ตำนานซานตาคลอส ที่มาจาก เซนต์นิโคลัส สังฆราชแห่งเมืองไมรา ชีวิตวัยเด็กของเซนต์นิโคลัสอาศัยอยู่ทางตอนใต้ของประเทศตุรกี อยู่ในพื้นที่กันดารและเต็มไปด้วยความยากแค้น เนื่องจากชาวโรมันในแถบนั้นกดขี่ชาวคริสเตียนอย่างหนัก ต่อมาบิดามารดาของเซนต์นิโคลัสเสียชีวิตและได้ทิ้งมรดกไว้ให้เขามากมาย ช่วงศตวรรษที่ 4 นักบุญ (เซนต์) นิโคลัส สังฆราชแห่งเมืองไมรา กระทั่งวันหนึ่งเขาเกิดสงสารครอบครัวของเด็กหญิงผู้ยากจน จึงได้ปีนขึ้นไปบนปล่องไฟแล้วหย่อนถุงเงินลงไปซึ่งถุงนั้นก็ร่วงไปในถุงเท้าที่แขวนอยู่ข้างเตาผิงพอดี
สมาชิกในบ้านหลังนั้นแปลกใจมากว่าใครคือผู้มีน้ำใจมาช่วยเหลือพวกเขา และเมื่อแอบดูก็พบว่าคือเซนต์นิโคลัสในวัยหนุ่ม บางตำนานเล่าว่า นักบุญนิโคลัส เป็นนักบุญที่ชาวฮอลแลนด์นับถือ เพราะเป็นนักบุญที่มักช่วยเหลือเด็ก เมื่อชาวฮอลแลนด์เริ่มอพยพไปอยู่ในสหรัฐฯ ก็นำเอาประเพณีการฉลองนักบุญ นิโคลัส ไปด้วย พอเวลาผ่านไปก็เปลี่ยนจากนักบุญเป็นชายแก่ตัวอ้วน น่ารัก ใจดี มีพาหนะเป็นกวางเรนเดียร์ลากเลื่อน มามอบของขวัญให้เด็ก ๆ ในวันคริสต์มาสของทุกป
อีกเรื่อวที่เด็กๆทำกันทุกปี คือ การแขวนถุงเท้ายาว รับของขวัญ ถ้าอยากได้ขวัญจากซานต้า ต้องแขวนถุงเท้ายาวเหนือเตาผิงในวันคริสต์มาสอีฟ เป็นความเชื่อที่มาจากอังกฤษ ตามตำนานของเซนต์นิโคลัสเล่าว่าเขาเป็นนักบุญที่มีเมตตา ท่านมีของขวัญเป็นเหรียญทองในถุงเท้ายาวของสาวใช้สามคนที่น่าสงสารที่ต้องการเงินสำหรับสินสอดทองหมั้นแต่งงานของพวกเธอ พวกเธอแขวนถุงเท้ายาวให้แห้งเหนือเตาผิงและเกิดสร้างความประหลาดใจขึ้นเมื่อพวกเธอพบถุงทองคำในถุงเท้ายาวของพวกเธอในเช้าวันรุ่งขึ้น
สีสันต์ในวันคริสต์มาส สีที่ใช้ประดับตกแต่งในวันคริสต์มาสไม่ได้เพียงเป็นสีที่ให้ความสดใส ครื้นเครง สนุกสนานเท่านั้น แต่ยังมีความหมายแอบแฝงอีกด้วย
สีแดง – เป็นสีของผลฮอลลี่ และซานตาคลอสตามศาสนาแล้ว สีแดงหมายถึง ไฟ เลือด และความโอบอ้อมอารี
สีเขียว – เป็นสีของต้นไม้ ความเป็นธรรมชาติ มีความหมายถึงความอ่อนเยาว์และความหวัง ซึ่งเป็นการเปรียบว่าเทศกาลคริสต์มาสคือเทศกาลแห่งความหวัง
สีขาว – นอกจากจะเป็นสีของหิมะแล้ว สีขาวยังเป็นสัญลักษณ์ทางศาสนาด้วย นั่นคือแสงสว่าง ความบริสุทธิ์ ความสุข และความรุ่งเรือง ซึ่งสีขาวจะปรากฏบนเคราและชายเสื้อของซานตาคลอส
สีทอง – เป็นสีของเทียนและดวงดาว ที่หมายถึงแสงอาทิตย์และความสว่างไสว
อีกเรื่องคือ เพลงคริสต์มาส มาจาก บรรดาบาทหลวง ที่ มีการขับร้องบทเพลงคริสต์มาส เป็นภาษาละติน ลักษณะของบทเพลงก็จะเป็นแบบที่เรียบง่ายแต่สง่างาม
โดยบรรยากาศของบทเพลงจะเปี่ยมไปด้วยความหวังและความชื่นชมยินดี ต่อมาในศตวรรษที่ 12 บาทหลวงฟรังซิสแห่งอัสซีซีและคณะนักบวชคณะฟรังซิสกัน
ได้ส่งเสริมสนับสนุน บทเพลงแห่งวันคริสต์มาสให้มีความสง่างาม ความร่าเริง และความชื่นชมยินดีในโอกาสวันคริสต์มาสเสมือนเป็นวิวัฒนาการของบทเพลงวันคริสต์มาส ให้มีชีวิตชีวา พร้อมทั้งเริ่มใช้เป็นภาษาพื้นเมืองมากขึ้น ปัจจุบันเพลงคริสต์มาสก็มีการเพิ่มเติมสีสันมากขึ้นอย่างที่เราได้สัมผัสจนถึงทุกวันนี้
สุดท้่ยอันนี้สำคัญสุดๆ ต้นคริสต์มาส คือต้นสนที่นำมาประดับตกแต่งนั่นเอง ไม่ใช่ต้นไม้ที่มีพันธุ์ชื่อคริสต์มาสหรืออย่างไรเลย ความเชื่อโบราณ ต้นคริสต์มาส หมายถึง ต้นไม้ในสวนสวรรค์ ที่อาดัมและเอวา (อีฟ) ไปปลิดผลไม้มากินโดยไม่เชื่อฟังพระเจ้า ตามคัมภีร์ พระเยซูเปรียบเสมือนต้นไม้แห่งชีวิตเขียวขจีอยู่เสมอในทุกฤดูกาล หมายถึงนิรันดรภาพของพระเยซูเจ้า โดยถือว่าต้นไม้นั้นเป็นจุดศูนย์รวมของครอบครัวในเทศกาลคริสต์มาส แต่ก่อนนิยมประดับประดาต้นคริสต์มาสด้วยลูกแอปเปิ้ลและขนมปัง จนเปลี่ยนเป็นดวงไฟ ขนม และของขวัญอย่างในทุกวันนี้