X
กว่าจะเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีก 2021/2022

กว่าจะเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีก 2021/2022

23 พ.ค. 2565
4940 views
ขนาดตัวอักษร

23 ..65 – เดินทางมาถึงนัดสุดท้าย นัดที่ 38 ของฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ลีกที่ได้รับความนิยมอันดับ 1 ของโลก และสุดท้ายเป็น ทีมสีฟ้าจากแมนเชสเตอร์ เข้าป้ายคว้าถ้วยลีกสูงสุดของอังกฤษไปครอง ดับฝันเหล่าสาวกหงส์แดง ในช่วงไม่กี่นาทีสุดท้าย

เข็มนาฬิกาเดินวนมาถึงเวลา 22.00 ตามเวลาประเทศไทย นี่เป็นเวลาที่คอบอลชาวไทยเฝ้าหน้าจอลุ้นผลนัดสุดท้ายของทีมรักในฤดูกาล 2021/2022 นี้ แสงสปอร์ตไลท์ฉายไปที่ 2 สนามของทีมอันดับ 1 และ 2 ของตาราง แมนเชสเตอร์ ซิตี้และลิเวอร์พูล ที่ต่างขับเขี้ยวแย่งตำแหน่งแชมป์ยืดเยื้อมาถึงนัดสุดท้ายของฤดูกาล


แมนฯซิตี้ ทีมสีฟ้า จากเมืองแมนเชสเตอร์ ถือความได้เปรียบกว่า ที่ก่อนแข่งนำอยู่ 1 แต้ม หากชนะในนัดสุดท้าย ก็จะคว้าแชมป์โดยไม่ต้องมองคู่แข่งที่แอนฟิลด์ เพียงแต่ว่าทฤษฎี และโอกาสของทีมอันดับ 2 อย่างลิเวอร์พูล ก็ยังมีหวังเพราะหากพวกเขาที่แม้ตามอยู่ 1 แต้ม หากชนะ และแมนฯซิตี้พลาดไม่ชนะขึ้นมา นั่นจะทำให้เจ้าของฉายาเครื่องจักรสีแดง จะกลับมาคว้าถ้วยลีกสูงสุดในนัดสุดท้ายได้เช่นกัน


นกหวีดเริ่มเกม พร้อมกันทุก 10 สนาม 20 ทีมสู้ส่งท้ายฤดูกาล ลุ้นแชมป์ ลุ้นพื้นที่ฟุตบอลยุโรป และลุ้นเพื่ออยู่รอดในลีกสูงสุดต่อไป โฟกัสสำคัญของเกมสุดท้าย เมื่อลิเวอร์พูล เริ่มต้นไม่ดี เพียงครั้งแรกที่ “วูล์ฟ” ทีมเยือนได้บุก ก็ได้ประตูขึ้นำทันทีเพียง 3 นาทีแรกของเกมเท่านั้น นั่นทำให้ความหวังของสาวกที่เข้ามาเชียร์เต็มความจุ ดูจะเหลือโอกาสน้อยเต็มที แม้หลังจากนั้นเจ้าบ้านจะบุกชนิดพับสนาม แต่เหมือนอะไรก็ไม่เป็นใจ ยังไม่ได้ประตูตีคืน จวบจนนาทีที่ 24 ซาดิโอ มาเน่ ก็มาแน่ทำให้ความหวังของทีมกลับมาอีกครั้ง เสมอที่ 1-1 ขณะที่ฝั่งแมนฯซิตี้ ยังไม่มีประตู หมายความว่าหากลิเวอร์พูลขึ้นนำได้ แชมป์จะอยู่ที่แอนฟิลด์


ความหวังยิ่งมีมากขึ้น นาทีที่ 37 แอสตันวิลล่า พลิกขึ้นนำ แมนฯซิตี้ ก่อน 0-1 กองเชียร์ที่แอนฟิลด์เฮลั่นสนาม ส่งสัญญานถึง 11 ผู้เล่นว่าพวกเขานั้นมีโอกาสแล้ว จบครึ่งแรก ลิเวอร์พูลยังเต็มไปด้วยความหวังที่จะคว้าแชมป์ลีกให้ได้

เริ่มครึ่งหลัง บนข้อแม้เดิมหากจะมีทีมที่ได้แชมป์ ลิเวอร์พูล และแมนฯซิตี้ ต้องชนะ วันนี้เหมือนอะไรก็ไม่เป็นใจให้เจ้าบ้าน 2 สนาม บุกแทบตายประตูที่ต้องการก็ยังไม่มา แถมเหมือนแมนฯซิตี้ ยังไม่ฟื้น เมื่อโดนทีเด็ดจากทีมเยือน แอสตันวิลล่า ยิงนำห่างไปอีก 0-2 ยิ่งเร้าให้แฟนบอลที่แอนฟิลด์บอกให้นักเตะเร่งเครื่อง เพราะทุกอย่างอยู่ในมือตัวเองแล้ว เพียงแค่ขอประตูขึ้นนำเท่านั้น และแมนฯซิตี้ จบด้วยสกอร์นี้ แต่เหมือนฝันที่เหล่าเดอะค็อป กำลังจางลงไป เมื่อผลสกอร์ที่ เอติฮัด สเตเดี่ยม ขึ้นสกอร์ว่า เรือใบสีฟ้า เริ่มขยับแล้ว ตีตื้นที่ 1-2 และ 2-2 ในเวลาที่ห่างกัน 2 นาที และยิ่งดับความหวัง ด้วยประตูที่ 3 ที่แชมป์เก่าต้องการในนาทีที่ 81 ซิตี้ จาก อิคาย กุนโดกัน ที่ลงมาทำ 2 ประตูชัย ขึ้นนำ3-2 ดับฝันของหงส์แดงสนิท 


แชมป์คาราบาวคัพ และเอฟเอคัพ ตอนนี้พวกเขาเพียงแค่ทำตามหน้าที่ที่เหลือ และประตูที่ต้องการก็มาถึง แต่เหมือนจะช้าเกินไป “ซาลาห์” ยิงให้ทีมขึ้นนำนาทีที่ 84 ส่งให้เจ้าตัวขั้วดาวซัลโวของฤดูกาล คู่กับซอน เฮือนมิน ของสเปอร์และ 3-1 จากแอนดรู โรเบิร์ตสัน นาทีที่ 89 ครบ 90 นาที นกหวีดจากผู้ตัดสินดังอีกครั้ง ที่ 2 สนาม 


ฉากสุดท้ายแสงถูกฉายไปที่เมืองแมนเชสเตอร์ ที่กลายเป็นสีฟ้าเต็มตัว แมนฯซิตี้ เถลิงคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 2021/2022 ได้อย่างสมศักดิ์ศรี แข่ง 38 นัด มี 93 คะแนน เฉือนรองแชมป์ ลิเวอร์พูล เพียง 1 แต้ม แข่ง 38 นัด มี92 คะแนน จบฤดูกาลอันสุดมันส์ ที่ใครก็คาดการณ์ไม่ได้ว่าสุดท้ายแชมป์จะเป็นของทีมใด จนนาทีสุดท้ายของการแข่งขัน

นี่เป็นอีกปี ที่แมนฯซิตี้ และลิเวอร์พูล ขับเขี้ยวต้องตัดสินกันถึงนัดสุดท้าย ด้วยแต้มที่ห่างกันเพียง 1 คะแนนเท่านั้น และคะแนนที่สูงกว่า 90 แต้มอีกครั้ง นี่คือความสูสีของทั้ง 2 ทีม ที่มอบให้กับแฟนบอลตลอดฤดูกาล ที่น่าจะการันตีให้แฟนบอลทั้ง 2 ทีม อยากลั่นกลองรบกันอีกครั้ง เพื่อที่จะวัดฝีมือกันใหม่ในฤดูกาลหน้าที่จะถึงนี้


สำหรับลิเวอร์พูล ยังเหลือลุ้นถ้วยใบสุดท้าย ถ้วยใบใหญ่ของสโมสรยุโรป ยูฟ่า แชมป์เปี้ยนลีก ที่จะพบกับ เรอัล มาดริด แชมป์ลาลีกา สเปน ปีล่าสุด โดยจะวัดฝีเท้ากันในวันเสาร์ที่ 28 พฤษภาคม 2565  กรุงปารีส ฝรั่งเศส ต้องตามลุ้นกันว่า หงส์แดง จะคว้าถ้วยใบที่ 3 ของ ฤดูกาลได้หรือไม่ หรือจะผิดหวังอีกครั้ง ไม่มีใครรู้ได้แต่รับประกันความมันส์แน่นอน

สรุปรางวัล ปี 2021/2022

แชมป์พรีเมียร์ลีก : แมนเชสเตอร์ ซิตี้

แชมป์ เอฟเอ คัพ : ลิเวอร์พูล

แชมป์ คาราบาว คัพ : ลิเวอร์พูล

นักเตะยอดเยี่ยมแห่งปี : เควิน เดอบรอยน์ (แมนฯซิตี้)

ดาวซัลโว : ซอน เฮือน มิน (สเปอร์) , ซาลาห์ (ลิเวอร์พูล) 23 ประตู

เพลเมกเกอร์พรีเมียร์ลีก : ซาลาห์ (ลิเวอร์พูล) (13 แอสซิสต์)

ผู้รักษาประตูยอดเยี่ยม : อลิสสัน เบ็คเกอร์ (ลิเวอร์พูลเอแดร์ซอน (แมนฯซิตี้) (ไม่เสียประตู 20 นัด)

ดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปี : ฟิล โฟเด้น (แมนฯซิตี้)










ขอบคุณภาพจาก : Liverpool fc, Manchester City, Tottenham Hotspur

อ่านความคิดเห็นของเพื่อนๆ ..คิดอย่างไรกับเรื่องนี้ เขียนเลย
Terms of Service © 2025 MCOT.net All rights reserved นโยบายข้อมูลส่วนบุคคล นโยบายการรักษาความมั่นคงปลอดภัยเว็บไซต์ นโยบายเว็บไซต์ของ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน)