โรคติดเชื้อไวรัสซิกา เป็นโรคที่มียุงลายเป็นพาหะนำโรค เช่นเดียวกับโรคไข้เลือดออก และโรคไข้ปวดข้อยุงลาย ซึ่งทำให้ผู้ป่วยมีผื่นแดงตามลำตัว และแขนขา มีไข้ อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ ตาแดง และที่สำคัญคือ สามารถติดต่อจากมารดาสู่ทารกในครรภ์ เพราะหากแม่ติดเชื้อไวรัสซิกาแล้ว อาจส่งผลให้เด็กมีภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง เกิดความพิการทางสมอง และระบบประสาท ส่งผลให้ทารกเมื่อคลอดออกมามีความผิดปกติ เช่น ศีรษะเล็ก การได้ยินผิดปกติ และพัฒนาการช้า เป็นต้น ดังนั้น หญิงตั้งครรภ์ จะต้องเฝ้าระวังป้องกันตนเองเป็นพิเศษ
จึงแนะนำให้ป้องกันตนเอง อย่าให้ถูกยุงกัดด้วยการทายากันยุง และให้สังเกตอาการป่วยของตนเอง และคนในครอบครัว หากมีไข้ มีผื่นแดง เยื่อบุตาอักเสบ ปวดกล้ามเนื้อ ปวดข้อ อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ ไม่ควรซื้อยามารับประทานเอง โดยเฉพาะยาลดไข้ในกลุ่มเอ็นเสด (NSAIDs) เช่น ไอบูโพรเฟน ไดโคลฟีแนค แอสไพริน รวมถึงยาชุด ให้รีบพาผู้ป่วยไปพบแพทย์ หรือสถานบริการสาธารณสุขที่อยู่ใกล้บ้าน เพื่อได้รับการรักษาที่ถูกต้องรวดเร็ว จะช่วยลดโอกาสการเสียชีวิตได้
สำหรับหญิงตั้งครรภ์ ให้ไปฝากครรภ์ตลอดระยะเวลาที่ตั้งครรภ์ จนกว่าจะคลอด หากตรวจพบว่าติดเชื้อไวรัสซิกา ต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดโดยสูตินรีแพทย์ เนื่องจากเป็นกลุ่มเสี่ยงที่ติดเชื้อแล้ว ทารกจะมีโอกาสพิการศีรษะเล็กได้ และขอความร่วมมือให้ช่วยกัน กำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายในบริเวณบ้าน และรอบๆ ชุมชน โดยใช้มาตรการ 3 เก็บป้องกัน 3 โรค คือ
1. เก็บบ้าน ให้สะอาดไม่ให้ยุงลายเข้ามาเกาะพัก
2. เก็บขยะ ภายในบริเวณบ้านและชุมชน ให้เรียบร้อยไม่ให้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย
3. เก็บน้ำ เก็บภาชนะกักเก็บน้ำให้มิดชิด เพื่อป้องกันยุงลายลงไปวางไข่ รวมถึงทายากันยุง และนอนในมุ้ง หรือห้องที่มีมุ้งลวดกันยุง เพื่อป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสซิกา โรคไข้เลือดออก และโรคไข้ปวดข้อยุงลาย
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422