ภัยร้ายของแสงแดดอาจทำให้ผิวหนังไหม้แดด มีกระ ฝ้า ผิวหนังแก่ก่อนวัย รวมถึงมะเร็งผิวหนัง ฉะนั้นการป้องกันที่ดีอย่างหนึ่งก็คือการทาครีมกันแดด แต่รู้ไหมว่าต้องทาเยอะแค่ไหน แล้วกันแดดช่วยป้องกันอะไรได้บ้าง ไปดูกันเลย!
ครีมกันแดด ควรทาในปริมาณที่หนา คือ ปริมาณ 2 มิลลิกรัมต่อ 1 ตารางเซนติเมตรของผิวหนัง หรือ สำหรับผิวหนังบริเวณใบหน้าใช้ในปริมาณ 2 ข้อนิ้วมือ และลำคอใช้ในปริมาณ 1 ช้อนชา ควรเริ่มทาครีมกันแดดก่อนออกแดด 15 นาทีและทาซ้ำทุก 2 ชม. หากต้องอยู่กลางแดดเป็นเวลานาน
นอกจากจะใช้ครีมกันแดดเพื่อป้องกันอันตรายจากแสงแดดแล้ว ควรหลีกเลี่ยงในเวลาที่แสงแดดร้อนจัด ประมาณ 11.00-14.00 น. ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่แสงแดดมีรังสียูวีบี (UVB) สูงที่สุด หรือหากต้องสัมผัสแสงแดดในเวลานั้น ควรเลือกสวมใส่เสื้อผ้าที่มีสีเข้มทึบ เนื้อผ้าทอแน่นหนา สวมหมวกปีกกว้าง สวมแว่นตากันแดด โดยรังสี UVA และรังสี UVB มีส่วนสำคัญทำให้เกิดอันตรายต่อผิวหนังทั้งในแง่ของภาวะผิวหนังแก่ก่อนวัยและมะเร็งผิวหนัง หากจะเลือกครีมกันแดดที่สามารถป้องกันรังสีทั้งสองตัวนี้ได้ เราจะต้องดูที่ค่า SPF (Sun Protection Factor) ที่ระบุไว้สำหรับความสามารถในการปกป้องผิวไหม้แดดจากรังสี UVB
ส่วนของรังสี UVA สังเกตครีมกันแดดมีระบุค่า PA (Protection Grade ของ UVA) ซึ่งจะระบุความสามารถในการป้องกันแดดตั้งแต่ 1+ ถึง 4+ แต่หากครีมกันแดดนั้นไม่มีระบุค่า PA ไว้ก็สามารถเลือกได้จากครีมกันแดดที่ระบุว่าสามารถปกป้อง UVA ได้
จะรู้ได้อย่างไรว่าควรใช้ SPF เท่าไร?
จะต้องพิจารณาจากลักษณะกิจกรรมในชีวิตประจำวันของผู้ใช้เป็นหลัก
- ทำงานในอาคารในร่ม ให้ใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF 15
- ทำงานกลางแจ้งนอกอาคารต้องตากแดดเป็นเวลานาน แนะนำให้ใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไป