"หมาล่า" มาจากไหน? ทำไมถึงครองใจคนไทยได้ขนาดนี้?
เคยสงสัยไหมว่า "หมาล่า" มาจากไหน? ทำไมถึงครองใจคนไทยได้ขนาดนี้? บทความนี้จะพาทุกท่านไปไขความลับของรสชาติเผ็ดชาอันเป็นเอกลักษณ์นี้กัน!
“หมาล่า” ไม่ได้ใช่ชื่อพริกชนิดใด แต่เป็นรสชาติเผ็ดชาอันเป็นเอกลักษณ์ของอาหารเสฉวนต้นกำเนิดมาจากมณฑลเสฉวน ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศจีน โดยคำว่า "หมา" "má" (麻) แปลว่า "ชา" ส่วนคำว่า "ล่า" "là" (辣) แปลว่า "เผ็ดร้อน" ดังนั้น "หมาล่า" จึงหมายถึง "รสเผ็ดชา" นั่นเอง
ชาวเสฉวนนิยมทานอาหารรสเผ็ดร้อนมาช้านาน เนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็น การทานอาหารเผ็ดร้อนช่วยให้ร่างกายอบอุ่น ประกอบกับพริกเสฉวน (Sichuan Pepper) ที่มีรสเผ็ดชาเฉพาะตัว จึงกลายเป็นส่วนผสมหลักในอาหารมณฑลเสฉวน และเป็นที่มาของรสชาติหมาล่า
"หมาล่า" กลายเป็นกระแสยอดนิยมในประเทศไทย มีร้านอาหาร "หมาล่า" เปิดขึ้นมากมาย ทั้งแบบบุฟเฟ่ต์ และแบบ A La Carte มีเมนู "หมาล่า" หลากหลายชนิด ให้เลือกทาน
"หมาล่า" ยังถูกนำมาประยุกต์ใช้กับอาหารไทย เช่น ส้มตำหมาล่า ก๋วยเตี๋ยวหมาล่า พิซซ่าหมาล่า
"หมาล่า" ไม่ได้เป็นเพียงแค่กระแส แต่กลายเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมการกินของคนไทยไปแล้ว คนไทยคุ้นเคยกับอาหารรสจัดจ้าน เผ็ดร้อน เปรี้ยว เค็ม หมาล่าจึงตอบโจทย์ความชอบนี้ ความเผ็ดร้อน ความแปลกใหม่: รสชาติหมาล่าไม่เหมือนใคร เป็นประสบการณ์การทานอาหารที่แตกต่าง ความหลากหลาย: อาหารหมาล่ามีหลากหลายประเภท ทั้งแบบปิ้งย่าง ชาบู หม้อไฟ ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ ในด้านสุขภาพ: เชื่อกันว่า มีสมุนไพรหลายชนิด เช่น ฮวาเจียว (花椒) ขิงแห้ง (干姜) โป๊ยกั๊ก (八角) ใบหวงเจียว (黄椒) มีประโยชน์ต่อสุขภาพ เช่น ช่วยขับเหงื่อ ลดไขมัน
หมาล่ามาไทยได้อย่างไร?
อาหารหมาล่าเริ่มเป็นที่รู้จักในไทยเมื่อประมาณ 10 ปีก่อน โดยร้านอาหารจีนเสฉวนเริ่มนำเสนอเมนูหมาล่า ประกอบกับกระแสอาหารจีนที่ได้รับความนิยม ปัจจุบันหมาล่ากลายเป็นกระแสฮิตในไทย มีร้านอาหารหมาล่าเปิดขึ้นมากมาย ทั้งแบบร้านนั่งทาน และแบบสั่งเดลิเวอรี่ มีเมนูหมาหลากหลาย ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคสะท้อนให้เห็นถึงความนิยมของรสชาติเผ็ดชา และวัฒนธรรมการกินแบบใหม่ที่กำลังเติบโตในไทย
ปัจจุบันมีร้านชาบูหม่าล่า หม้อไฟสไตล์จีน อร่อยเด็ด เผ็ดลิ้นชา เปิดในกรุงเทพฯเยอะมาก ทั้งยังจัดร้านในรูปแบบสุดอลังการ มีโชว์ให้ได้ชม ได้ลิ้มรสอาหารแล้วก็เหมือนเราได้หลุดไปอยู่อีกโลกทำให้การทานอาหารดูสนุกขึ้นมีสีสันถูกใจนักท่องเที่ยวนักชิมที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์ใหม่มากมาย อย่างเช่นร้านนี้ค่ะ
Shu Daxia Hot Pot (สู่ต้าเสีย) หม้อไฟหัวมังกรต้นตำรับจากเมืองเฉิงตู เป็นแบรนด์ที่ติดอับดับ 1 ใน 10 ของแบรนด์หม่าล่าหม้อไฟที่ดีที่สุดในประเทศน ได้รับความนิยมจากคนในประเทศ และนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเป็นอย่างมาก ปัจจุบันสู่ต้าเสียมีสาขามากกว่า 600 สาขา ทั้งสาขาในประเทศและสาขาต่างประเทศ ได้แก่ มาเลเซีย ออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และล่าสุดคือ ประเทศไทย สาขาแรกตั้งอยู่ที่ Crystal Design Center (CDC) ตั้งอยู่ที่ถนนประดิษฐ์มนูธรรม เลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา ร้านเป็นโรงเตี๊ยมนโบราณ 3 ชั้น ยิ่งใหญ่อลังการ ได้รับการกล่าวขานไปทั่วทั้งประเทศ ทั้งความสวยสดงดงามตระการตา การตกแต่ง โครงสร้างภายนอก การออก แบบภายใน สถาปัตยกรรมสไตล์จีนโบราณ เหมือนยกโรงเตี๊ยมจักรพรรดิของประเทศจีนมาไว้ที่
ประเทศไทย ต้าเสียทั้งหลายคงได้เข้าไปสัมผัสประสบการณ์ของร้าน Shu Daxia สาขาแรกมาแล้ว และเตรียมพบกับสาขาที่ 2 ของ ที่กำลังจะเปิดใจกลางเมือง กรุงเทพมหานคร!
ที่มา:
https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%B2
https://cooking.kapook.com/view238261.html
https://www.facebook.com/WongnaiCooking/posts/900147066832542/