ยินดีกับทุกความรัก! กฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผลใช้บังคับแล้วเป็นวันแรก 23 ม.ค.68 คู่รัก LGBTQIAN+ ทุกคู่สามารถเดินทางไปรับบริการจดทะเบียนสมรสได้ ณ ที่ว่าการอำเภอ สำนักงานเขตทุกแห่ง และสถานกงสุลไทยในต่างประเทศ
นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงการมีผลบังคับการสมรสเท่าเทียม ตามกฎหมายสมรสเท่าเทียมในวันนี้ (23 ม.ค.) ว่า กระทรวงการต่างประเทศ มีความภาคภูมิใจที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จของกฎหมายสมรสเท่าเทียม ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายที่รัฐบาลนี้ให้ความสำคัญมาอย่างต่อเนื่อง การมีผลบังคับใช้ของกฎหมายสมรสเท่าเทียมในวันนี้ (23 ม.ค.) ถือเป็นความภาคภูมิใจของประเทศไทยบนเวทีโลก ซึ่งได้รับความชื่นชมจากมิตรประเทศในโลกตะวันตก ทั้งในยุโรป และอเมริกา ในฐานะที่ประเทศไทย เป็นประเทศแรก ๆ ในทวีปเอเชียที่ผ่านกฎหมายสมรสเท่าเทียม ถือเป็นการต่อยอดบทบาทสำคัญของไทยในเรื่องดังกล่าว บนเวทีระหว่างประเทศ โดยเฉพาะในกรอบสหประชาชาติ และนิมิตหมายนี้ แสดงความมุ่งมั่นของประเทศไทย ต่อการปูรากฐานของสังคมที่เปิดกว้าง การเคารพในสิทธิและความเท่าเทียมของทุกคน
นายมาริษ ยังย้ำว่า กระทรวงการต่างประเทศยินดีเป็นกลไกในการขับเคลื่อนการจดทะเบียนสมรสเท่าเทียมแก่คนไทยในต่างประเทศ โดยสถานเอกอัครราชทูต และสถานกงสุลใหญ่ทั่วโลก พร้อมให้บริการจดทะเบียนสมรสเท่าเทียมในประเทศที่กฎหมายท้องถิ่นยอมรับ
ด้านนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า ขณะนี้กรุงเทพมหานคร (กทม.) มีความพร้อมเต็มที่ในการให้บริการจดทะเบียนสมรสเท่าเทียม เพราะว่าโดยหลักการแล้วเป็นการจดทะเบียนสมรสเหมือนปกติทั่วไป เป็นหลักการเดียวกันที่ทำให้ทุกคนเท่าเทียมกัน สิ่งที่สำคัญคือรายละเอียดของสิทธิต่าง ๆ ภายหลังจากการจดทะเบียนสมรสแล้ว เช่น หากเป็นข้าราชการภายหลังจดทะเบียนสมรสแล้วจะมีสิทธิการลา การเบิกค่ารักษาพยาบาล เป็นอย่างไรบ้าง เป็นต้น ซึ่งต้องดูให้ละเอียด
ในส่วนของการให้บริการประชาชน กรุงเทพมหานครได้มีการอบรมให้ความรู้กับเจ้าหน้าที่เพิ่มเติมไปแล้ว เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ต้องให้ความใส่ใจ รวมถึงเรื่องการใช้คำพูดต่าง ๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อความรู้สึกของคนที่แตกต่างและมีความหลากหลาย ซึ่งคำพูดที่ใช้ในกลุ่มเพื่อนกับคำพูดที่ใช้ในการให้บริการย่อมแตกต่างกัน ได้มีการเน้นย้ำในเรื่องนี้เพราะมีความละเอียดอ่อน ต้องให้มีความเข้าใจกันในการให้บริการ