X
21 ปี เลสลี่ จาง จากไป ผลงานยังอยู่ในความทรงจำเสมอ

21 ปี เลสลี่ จาง จากไป ผลงานยังอยู่ในความทรงจำเสมอ

1 เม.ย 2567
940 views
ขนาดตัวอักษร

1 เม.ย. 67 - เลสลี่ จาง หรือ ในภาษาจีนกลาง จาง กั๋วหรง อาจจะเรียกได้ว่าหากคนทั่วโลกคิดถึงนักแสดงฮ่องกงซักคน ชื่อนี้ต้องติดอยู่ 1 ใน 3 ที่ทุกคนนึกถึงแน่นอน และในวันที่ 1 เมษายน ปี 2003 หรือวันโกหกเดือนเมษา เมื่อ 21 ปีที่แล้ว เป็นวันที่แฟน ๆ เลสลี่ จาง ทุกคน ต่างอยากให้มันเป็นเรื่องโกหกตลอดไป 


เลสลี่ โตมากับครอบครัวขนาดใหญ่ที่มีพี่น้องทั้งหมด 10 คน โดยพี่คนที่ 9 อายุห่างกันกับเขามากถึง 8 ปี โดยบ้านของเขามีธุรกิจตัดเสื้อขนาดใหญ่อันดับต้น ๆ ของฮ่องกง เคยตัดเสื้อให้กับบุคคลที่มีชื่อเสียงมาแล้ว เช่น วิลเลียม โฮลเดน หรือ อัลเฟรด ฮิตช์ค็อก

แต่ในบ้านเขาก็เต็มไปด้วยปัญหาหลายอย่าง บิดาก็ไม่เคยควบคุมอารมณ์ตนเองได้เลย ชีวิตในครอบครัวเต็มไปด้วยการทะเลาะเบาะแว้งและการใช้อารมณ์ เขาจึงโตมาด้วยยายเป็นผู้เลี้ยงดู และเช่นเดียวกับลูกคุณหนูในยุคนั้น เขาเข้าศึกษาด้านสิ่งทอที่มหาวิทยาลัยลีดส์ ประเทศอังกฤษ เพื่อสืบทอดกิจการของครอบครัว 

เลสลีเข้าสู่วงการบันเทิงโดยเข้าร่วมประกวดร้องเพลงในเวทีนักร้องสมัครเล่นยอดเยี่ยมแห่งเอเชีย (The Asian Amateur Singing Contest) เมื่อปี 1977 ด้วยบทเพลง “American Pie” สุดท้ายเขา ได้อันดับที่ 2 มาครอง แต่ด้วยเสน่ห์บนเวทีของเขาก็เตะตาผู้บริหารของสถานีโทรทัศน์ RTV เข้าอย่างจัง จนได้เซ็นสัญญาเป็นนักแสดงของสถานี รวมถึงเป็นนักร้องภายใต้สังกัด Polydor 


ในช่วงแรกเขาก็ไม่ประสบความสำเร็จมากเท่าไหร่ จนได้มีชื่อเสียงจาก “นักสู้ผู้พิชิต” ในปี 1978 จนได้มีชื่อเสียงไปโดยเฉพาะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างประเทศไทย 

ในช่วงต้นของยุค 1980 เขากลายเป็น Pop Star ที่ผลงานเพลงมากมาย จากเพลง “Monica” (1984)  กลายเป็นผู้นำกระแส Cantopop (เพลงป็อปภาษากวางตุ้ง) ที่โด่งดังไปทั่วทั้งในฮ่องกงและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 


จนมาถึงผลงานที่ทำให้เลสลี่โด่งดังสุดขีดนั่นคือผลงานภาพยนตร์เรื่อง “ A Better Tomorrow หรือชื่อไทยว่า โหด เลว ดี”  ในปี1986 ประกบคู่กับโจวเหยินฟะ และ ตี้หลุง ซึ่งสร้างความโด่งดังให้กับเขาไปทั่วทั้งเอเชีย และต่อมาด้วย “โปเยโปโลเย เย้ยฟ้าแล้วก็ท้า” ในปี 1987 


หลังจากนั้นเขากลายเป็น Superstar อันดับ 1 ของฮ่องกงทันที เขาออกอัลบั้มกว่า 40 อัลบั้ม ตลอดเวลา 26 ปีในวงการ รวมทั้งภาพยนตร์กว่า 56 เรื่องอีกด้วย 

ผลงานเด่นของเขาอีกเรื่องคือภาพยนตร์เรื่อง “Days of Being Wild” ในปี 1991 ของหว่อง กาไว ที่ทำให้เขาได้รับรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมเป็นครั้งแรกจากเทศกาลภาพยนตร์ฮ่องกง


และในปี 1993 เป็นปีที่สร้างให้เลสลี่ ประสบความสำเร็จมากที่สุด จากภาพยนตร์เรื่อง “Farewell My Concubine” หรือชื่อไทยว่า “หลายแผ่นดิน แม้สิ้นใจ ก็ไม่ลืม” โดยผู้กำกับชาวจีนแผ่นดินใหญ่ เฉินข่ายเกอ ภาพยนตร์เรื่องนี้ฉายภาพประเทศจีนตั้งแต่ยุคราชวงศ์ชิง จนถึงปฎิวัติวัฒนธรรม โดยเล่าเรื่องผ่านเด็กชายที่เข้าไปเป็นตัวนางในโรงงิ้ว โดยตัวของเลสลี่ได้รับบทเด่นเป็นที่นักแสดงงิ้วที่แอบชอบนักแสดงชายที่โตมาด้วยกันจนมีชื่อเสียงด้วยกัน ก่อนที่ภาพยนตร์จะจบอย่างโศกนาฎกรรม ภาพยนตร์เรื่องนี้ทำให้เขาได้รับการเสนอชื่อเขาชิงรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจากเทศกาลหนังเมืองคานส์ กลายเป็นหนึ่งในผลงานชิ้นโบว์แดงของเขา และเป็นการรับบทเป็นชายรักชายครั้งแรกของเขาด้วยเช่นกัน โดยถึงขนาดที่ว่ามีหลายเสียงคิดว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ควรได้รางวัลออสการ์ภาพยนตร์ยอดเยี่ยมด้วยซ้ำ


จากนั้นในปี 1997 เลสลี่ได้กลับไปเล่นภาพยนตร์กับหว่อง กาไวอีกครั้งในเรื่อง “Happy Together” ภาพยนตร์ที่เล่าเรื่องความสัมพันธ์ของคู่ชายรักชาย หนังเรื่องนี้ได้รับผลตอบรับที่ดีมากและกลายเป็นผลงานของเขาที่คนรู้จักมากที่สุด


เช่นเดียวกับเรื่องความสัมพันธ์ เลสลี่ มีคนรักชื่อเดฟฟี่ ถง  ซึ่งเป็นลูกของเพื่อนแม่ของเลสลี่ ทั้งคู่คบกันตั้งแต่ต้นยุค 90 โดยในตอนแรกต้องคบกันแบบหลบ ๆ ซ่อน ๆ เนื่องจากในตอนนั้นเรื่องรักร่วมเพศยังไม่เปิดขนาดนั้น 


จนกระทั่งในปี 1997 เลสลีได้จัดคอนเสิร์ตใหญ่อีกครั้ง ในคอนเสิร์ตนี้เขาได้ปรากฏตัวในชุดสูทสีดำพร้อมกับรองเท้าส้นสูงสีแดง ซึ่งสร้างความฮือฮาในแก่ผู้ชมเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังกล่าวก่อนที่จะร้องเพลง “The Moon Represents My Heart” หรือชื่อไทยว่าพระจันทร์แทนใจ เพลงที่โด่งดังจากการร้องของเติ้งลี่จวิน นักร้องสาวชาวไต้หวันผู้ล่วงลับ โดยระหว่างที่ร้องเพลงเขาได้กล่าวถึง เดฟฟี่ ถง ด้วยเช่นกัน


ดังนั้น คอนเสิร์ตครั้งนี้จึงเป็นการเปิดตัวต่อสาธารณชนอย่างเต็มตัวว่า เลสลีเป็นชายรักชายและกำลังคบหาอยู่กับเดฟฟี่นั่นเอง ซึ่งเหตุการณ์นี้ทำให้เขาได้รับการยกย่องจากเหล่าผู้หลากหลายทางเพศ และแฟนคลับยังรักเขามากกว่าเดิมเสียอีก 

ในช่วง 2000 เขายังมีคอนเสิร์ตที่แต่งตัวได้ตามใจตัวเอง เขามักใส่วิกผมยาว และแต่งตัวเป็นผู้หญิงขึ้นคอนเสิร์ต สร้างอัตลักษณ์ทางเพศของตัวเอง อย่างไรก็ตามแม้จะมีคนรับได้ แต่ก็มีบางส่วนที่รับไม่ได้เช่นกัน การเปิดตัวของเขาก็สร้างความกดดันให้ตัวเองจากการโดนโจมตีจากสื่อฮ่องกงบางส่วน และเขาก็ต้องเผชิญกับเหล่าปาปารัซซี่ ที่ต้องการขายข่าวความเป็นส่วนตัวของเขา


หลายครั้ง เลสลีจมปลักอยู่ในบ้าน ไม่ยอมออกไปไหน ร้อนถึงเดฟฟีทำการนัดให้คนรักเข้าพบจิตแพทย์ที่บ้านพี่สาวของเขา เพราะเหล่าปาปารัสซีมักตามติดจนไม่สามารถไปหาหมอที่โรงพยาบาลได้ เลสลีได้รับการวินิจฉัยว่าเป็น “โรคซึมเศร้า” และเข้ารับการรักษา เมื่ออาการทุเลาลง เขากลับไปทำงานได้บ้าง เริ่มปรากฏตัวในงานประกาศรางวัลต่าง ๆ

1 เม.ย. 2003 เวลา 18.43 น. ตามเวลาท้องถิ่นฮ่องกง มีข่าวออกมาว่า เลสลี จาง ตกลงมาจากชั้น 24 ของโรงแรมแมนดาริน โอเรนเต็ล ในเขตเซ็นทรัล ของฮ่องกง ซึ่งในตอนนั้นคนต่างคิดว่าเป็นเรื่องโกหก เพราะเหตุการณ์เกิดขึ้นในวันเมษาหน้าโง่ จนกระทั่งแดฟฟีได้ออกมายืนยัน พร้อมพบกับจดหมายที่เลสลีเขียนไว้ว่า

“ภาวะซึมเศร้า! ขอบคุณมากสำหรับเพื่อน ๆ ทุกคน ขอบคุณมากสำหรับศ.เฟลิซ ลี-มัค (จิตแพทย์ของเลสลี) ปีนี้เป็นปีที่โหดมาก ผมทนไม่ไหวแล้ว ขอบคุณมากนะ ถง ถง ขอบคุณมากนะครอบครัวของผม ขอบคุณมากนะพี่เฟย ในชีวิตนี้ ผมไม่ได้ทำอะไรไม่ดีเลย ทำไมถึงต้องเป็นแบบนี้ด้วย???”

ในห้วงเวลานั้นฮ่องกงต่างตกอยู่กับปัญหาโรคไข้หวัดนก และซ้ำร้ายกับอาการโรคซึมเศร้าของเลสลี่  การจากไปของเขาทำให้ให้แฟนคลับหลายล้านคนทั่วโลกช็อกและเสียใจเป็นอย่างมาก ถึงอย่างนั้นเขายังคงอยู่ในหัวใจของแฟนคลับทุกคน แม้ว่าเลสลีจะจากโลกนี้ไป 21 ปีแล้ว แต่เมื่อถึงวันครบรอบการเสียชีวิตของเลสลี คนที่รักเขาต่างพากันนำดอกไม้ไปวางที่โรงแรมแมนดาริน โอเรนเต็ลอยู่เสมอ และยังมีคอนเสิร์ตรำลึกถึงเขาเสมอในทุก ๆ ปี  


ขณะที่ แดฟฟียังคงไม่มีคนรักใหม่จนถึงปัจจุบัน ในทุกเทศกาล รวมถึงวันเกิดและวันครบรอบการเสียชีวิตของเลสลี แดฟฟีจะลงรูปของเลสลีเสมอ 


เพลงของเขายังได้รับการเปิดเสมอในฮ่องกง และทั่วเอเชีย ภาพยนตร์ของเขายังมีคนพูดถึงเสมอ โดยแฟน ๆ ไม่เคยลืมเขาเลย แม้จะผ่านมา 21 ปีแล้วนัยตาอันแสนเศร้าของเขาและความเป็นกันเองของเขากับเหล่าแฟน ๆ มักได้รับการกว่าวขานอย่างเป็นตำนานตลอดมา 



อ่านความคิดเห็นของเพื่อนๆ ..คิดอย่างไรกับเรื่องนี้ เขียนเลย
Terms of Service © 2018 MCOT.net All rights reserved นโยบายข้อมูลส่วนบุคคล