ย้อนไปเมื่อสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี การใช้ธงเป็นเครื่องหมายสัญญาณใช้เฉพาะในเวลาที่ยกกองทัพออกไปทำสงครามเท่านั้น คือ ใช้ธงสีต่างๆเป็นเครื่องหมายประจำกองทัพ กองละสี ส่วนเรือกำปั่นเดินทะเลที่ไปทำการค้าใช้ถธงสีแดงเป็นเครื่องหมาย ยังไม่มีธงชาติไทยเป็นของเราเอง
พอมาในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์เป็นราชธานีในรัชกาลที่สอง เราใช้ธงติดเรือทำการค้า ซึ่งตอนนั้น จะมีเรือไปค้าขายที่สิงคโปร์ อังกฤษที่มาตั้งสถานีการค้าอยู่ที่สิงคโปร์ ส่งหนังสือมาแจงว่า
เรือกำปั่นหลวงของไทยชักธงแดงเหมือนกับเนือมาลายู ขอให้ไทยเปลี่ยนธงใหม่เพื่อให้เกิดความแตกต่างเมื่อเรือไทยเข้ามาจะได้ทำการรับรองโดยสะดวก พอดีตอนนั้นรัชกาลที่สองได้ช้างเผือกไว้ 3 เชือก จึงโปรดให้ทำรูปช้างเผือกสีขาวอยู่ในวงจักรสีขาวติดไว้กลางธงแดงหมายความว่า ธงของพระเจ้าแผ่นดินอันมีช้างเผือก
ถึงรัชกาลที่ 4 มีการทำสัญญาการค้ากับชาวยุโรปและอเมริกาและชาวต่างชาติที่เข้ามาค้าขายมากขึ้น ทรงมีพระราชดำริว่าถึงความจำเป็นต้องมีธงชาติของสยามรัชกาลที่ 4 จึงโปรดให้ใช้ธงช้างที่ประดิษฐ์ขึ้นเมื่อรัชกาลที่ 2 เป็นธงชาติ โดยให้เอารูปจักร เพราะจักรเป็นเครื่องหมายเฉพาะของพระเจ้าแผ่นดิน ให้คงรูปช้างเผือกไว้ตรงกลางธงแดง แล้วออกแบบธงอีก 2 แบบ คือ ธงมหามงกุฎสำหรับพระเจ้าแผ่นดิน และ ธงไอราพตสำหรับรัฐบาลสยาม
พอถึงรัชกาลที่ 5 โปรดให้ใช้ตราพระราชบัญญัติธงสำหรับในราชการ ถึงรัชกาลที่ 6 โปรดฯ ให้แก้ธงชาติเป็นสีแดงตรงกลางมีรูปช้างเผือกทรงเครื่องบนแท่นหันหน้าเข้าหาเสาใช้สำหรับเป็นธงราชการ ต่อมาพบว่ามีปัญหาการใช้ธงช้างเผือกที่หายาก และหากไม่ระวังทำให้เกิดการชักธงกลับหัวช้างเผือกต้องหงายท้อง จึงให้นำช้างเผือกออกแล้วปรับแก้การวางแถบสี จนกลายมาเป็น ธงเป็น 5 แถบ เพิ่มสีน้ำเงินแก่เข้าไปไว้ตรงกลาง กลายเป็น ธงไตรรงค์ อย่างทุกวันนี้