ไปรษณีย์ไทยชู 5 หมื่นเครือข่าย 2.5 หมื่นพี่ไปรฯ หนุนความเชื่อมั่นและรองรับทุกดีมานด์การส่งช่วงปลายปีที่ผ่านมา
พร้อมย้ำที่สุดแห่ง “ขนส่งคุณภาพ” ด้วย 5 โซลูชันที่ขับเคลื่อนทุกภาคธุรกิจ
บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ตอกย้ำคุณภาพด้านการบริการ เพื่อสนับสนุนภาคธุรกิจและการขนส่งที่ยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นมาตรฐาน 5 ด้าน ในการรองรับความต้องการการขนส่งที่เพิ่มมากขึ้นในได้แก่ จุดให้บริการในการรับฝากสิ่งของที่มีเครือข่ายกว่า 50,000 แห่ง ความพร้อมของเจ้าหน้าที่ให้บริการ และพี่ไปรฯ ที่มีอยู่กว่า 25,000 คน พร้อมด้วยมาตรฐานในด้านความแม่นยำ ความรวดเร็ว และความปลอดภัย ตลอดจนมีสายด่วนเบอร์พี่ไปรฯ 1505 และระบบตรวจสอบสถานะที่ทำให้ทุกการส่งสะดวกทั่วประเทศ
ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์
กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด กล่าวว่า ในช่วงปลายปี 2567 ที่ผ่านมา เป็นช่วงที่มีปริมาณการขนส่งเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
จากปัจจัยของการแข่งขันทางการตลาดของภาคส่วนอีคอมเมิร์ซ ร้านค้า โปรโมชัน 12.12 รวมถึงมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายของภาครัฐและเอกชน
ซึ่งทั้งหมดมีส่วนเกี่ยวข้องกับบริการขนส่ง
และไปรษณีย์ไทยถือเป็นผู้ให้บริการหลักในการรับฝากสิ่งของและขนส่งพัสดุไปยังปลายทางต่าง
ๆ ทั่วประเทศ ทั้งนี้ เพื่อให้การขับเคลื่อนภาคเศรษฐกิจ สังคม และส่วนอื่น ๆ
ที่เกี่ยวข้องเป็นไปอย่างต่อเนื่อง
ไปรษณีย์ไทยจึงได้วางแนวทางและมาตรฐานในการให้บริการจากหลายส่วนงาน
ซึ่งผู้ใช้บริการไปรษณีย์ไทยจะได้รับความเชื่อมั่นจากโซลูชันต่าง ๆ
ที่ครอบคลุมทุกพื้นที่
• จุดให้บริการในการรับฝากสิ่งของ
ซึ่งในปัจจุบันบันไปรษณีย์ไทยมีเครือข่ายที่ทำการและเพื่อน พี่ไปรฯ
ครอบคลุมทั่วประเทศกว่า 50,000 จุด
สามารถเข้าถึงผู้ใช้บริการได้อย่างสะดวก ใกล้บ้านไม่ว่าจะเป็นที่ทำการไปรษณีย์
ร้านสะดวกซื้อ ร้านค้าธงฟ้า ฯลฯ โดยสิ่งของที่ฝากส่ง
จะมีการนำเข้าระบบเพื่อเตรียมนำจ่ายทุกวัน พร้อมด้วยระบบคัดแยกอัตโนมัติที่สามารถรองรับพัสดุได้กว่า
200 ล้านชิ้นต่อเดือน แม่นยำ 100%
รวมถึงศูนย์ไปรษณีย์ที่เพียงพอต่อปริมาณการส่งของที่มีอยู่ 20 แห่งทุกภูมิภาคทั่วประเทศ
• เจ้าหน้าที่ในการให้บริการ ที่มีจำนวนที่เพียงพอต่อทั้งการรับฝาก และบุรุษไปรษณีย์ที่พร้อม
ไปรฯ นำจ่ายกว่า 25,000 คน
โดยมีความเชี่ยวชาญและแม่นยำในทุกพื้นที่ และยังได้เปิดสายด่วนเบอร์พี่ไปรฯ "1505"
ซึ่งเป็นเลขหมายกลางสำหรับบุรุษไปรษณีย์เพื่อติดต่อผู้รับจดหมาย/
ไปรษณียภัณฑ์ ทำให้การส่งสิ่งของถึงผู้รับปลายทางรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
ลดการส่งคืนสิ่งของให้ผู้รับต้นทาง
• ความแม่นยำ
ภายใต้การใช้ระบบเทคโนโลยีดิจิทัลที่ผู้ใช้บริการสามาถตรวจสอบสถานะรับฝากและนำจ่ายได้แบบเรียลไทม์
บันทึกและรายงานผลทันทีเมื่อสิ่งของหรือพัสดุอยู่ในแต่ละขั้นตอนโดยสามารถเช็คได้ทั้งในเว็บไซต์
รวมถึงผ่านช่องทางไลน์ออฟฟิเชียล
• ความตรงต่อเวลา โดยเฉพาะบริการส่งด่วน EMS ซึ่งปัจจุบันเป็นบริการที่ได้รับความนิยมสูงสุดที่ทั้งผู้ประกอบการและบุคคลทั่วไปเลือกใช้บริการ
โดยบริการนี้ให้ความสำคัญกับการนำจ่าย ที่รวดเร็วในทุกพื้นที่ เฉลี่ย 1- 2 วัน และนำจ่ายทุกวันไม่มีวันหยุด รองรับการส่งสินค้าหลากหลายชนิด
ทั้งของใหญ่ไซส์จัมโบ้ ต้นไม้ ผลผลิตทางการเกษตร รวมถึงสินค้าอีคอมเมิร์ซ ฯลฯ
• ความปลอดภัย ที่มุ่งเน้นคุณภาพ ไม่ให้เกิดความเสียหาย
หรือการสูญหายที่เกิดขึ้นกับสิ่งของฝากส่งให้เป็นศูนย์ โดยมีระบบแคร์คอนโทรล (Care
Control) ที่จะช่วยดูแลสิ่งของทุกประเภทให้คงสภาพดีตั้งแต่รับฝากจนถึงออกนำจ่ายทุกปลายทาง
“ไปรษณีย์ไทยยังคงมุ่งแข่งขันในเชิงตลาด
ควบคู่กับพัฒนาในเชิงคุณภาพ ซึ่งในส่วนหลังนี้ให้ความสำคัญมาอย่างยาวนาน
เพื่อสร้างความพึงพอใจและรักษาศักยภาพให้กับทุกธุรกิจ
ตลอดจนผลักดันให้คุณภาพเป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกใช้บริการ
พร้อมส่งต่อให้เป็นกลยุทธ์ที่ใช้ในการแข่งขันกันในระบบนิเวศขนส่ง
ซึ่งจะเกิดประโยชน์กับผู้ใช้บริการทั่วประเทศ” ดร.ดนันท์ กล่าวทิ้งท้าย