X
ตัวจริงของ “ก้านกล้วย” ช้างศึก ในสมเด็จพระนเรศ

ตัวจริงของ “ก้านกล้วย” ช้างศึก ในสมเด็จพระนเรศ

28 ส.ค. 2564
93200 views
ขนาดตัวอักษร


ช้าง ถูกยกย่องเป็นสัตว์คู่บ้านคู่เมืองของไทยมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน แสดงถึงความเป็นเอกราช และอิสระภาพ ยิ่งในประวัติศาสตร์ยุคสมัยของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ช้างเป็นส่วนสำคัญในการทำสงคราม และการทำยุทธหัตถี

.

ซึ่งค่ายภาพยนตร์ไทยได้หยิบเรื่องราวของช้าง มาสร้างเป็นภาพยนตร์การ์ตูนแอนิเมชั่น “ก้านกล้วย” บอกเล่าถึงความเป็นมาของช้างพระที่นั่งของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ครั้งที่ทำสงครามยุทธหัตถี หรือในชื่อจริงคือ เจ้าพระยาปราบหงสาวดี” ที่ได้รับความนิยมจากเด็ก  และคอภาพยนตร์การ์ตูนแอนิเมชั่นไทยและต่างชาติ จนหลายคนเชื่อว่าช้างพระที่นั่ง มีชื่อว่า ก้านกล้วย

.

แต่แท้จริงแล้ว ชื่อ “ก้านกล้วย” เป็นเพียงชื่อในภาพยนตร์เท่านั้น Backbone MCOT จะพาทุกคนไปรู้จักตัวจริงของเจ้าพระยาปราบหงสาวดี” ช้างพระที่นั่งในสมเด็จพระนเรศ ติดตามเรื่องราวทั้งหมดได้เลย


ตามข้อมูลทางประวัติศาสตร์ ช้างพระที่นั่งของสมเด็จพระนเรศ มีชื่อว่า “พลายภูเขาทอง” หรืออีกชื่อหนึ่งที่รู้จัก คือ พลายพุทรากระแทก หรือ พลายพุทรากระทืบ” โดยหลังจากขึ้นระวางแล้วได้รับแต่งตั้งเป็น “เจ้าพระยาไชยานุภาพ” เป็นช้างคู่พระบารมีในสมเด็จพระนเรศ 

.

จนต่อมาเมื่อครั้งทำศึกยุทธหัตถีกับพระมหาอุปราชา วันที่ 18 มกราคม .. 2135  ตำบลท่าคอย หรือในปัจจุบัน คือ ตำบลดอนเจดีย์ อำเภอดอนเจดีย์ จังหวัดสุพรรณบุรี ที่ตามพงศาวดาร ระบุว่า 

.

พระมหาอุปราชา(นันทบุเรงได้รับสั่งให้ทหาร 2.4 แสนคน มาตีกรุงศรีอยุธยา ยึดให้เป็นเมืองขึ้น สมเด็จพระนเรศ จึงได้เตรียมไพร่พลพร้อมปกบ้านป้องเมือง นำทัพตั้งค่ายอยู่ที่สุพรรณบุรี จนเมื่อกองทัพทั้ง 2 เผชิญหน้ากัน สมเด็จพระนเรศ ทรงทอดพระเนตรเห็นพระมหาอุปราชา ทรงช้างอยู่ใต้ร่มไม้ 

.

จึงได้ตรัสถามกับทางพระมหาอุปราชาไปว่า “พระเจ้าพี่เราจะยืนอยู่ใยในร่มไม้เล่า เชิญออกมาทำยุทธหัตถีด้วยกัน ให้เป็นเกียรติยศไว้ในแผ่นดินเถิด ภายหน้าไปไม่มีพระเจ้าแผ่นดินที่จะได้ยุทธหัตถีแล้ว

.

เมื่อพระมหาอุปราชาได้ยินดังนั้น จึงเคลื่อนช้างออกมา เพื่อทำยุทธหัตถี กับสมเด็จพระนเรศ โดยช้างทรงของพระมหาอุปราชา มีชื่อว่า พลายพันธกอ ที่ตามพงศาวดาร ระบุว่า มีขนาดใหญ่และสูงกว่าเจ้าพระยาไชยานุภาพอย่างมาก


เมื่อพลายพันธกอได้วิ่งเข้าชนเจ้าพระยาไชยานุภาพ ทำให้เจ้าพระยาไชยานุภาพเสียหลัก พระมหาอุปราชาจึงได้สบโอกาสใช้พระแสงของ้าวฟันพระนเรศวร แต่พระองค์ทรงเบี่ยงหลบทัน พลาดโดนเพียงพระมาลาหนัง(หมวกของสมเด็จพระนเรศ เท่านั้น

.

สบโอกาสเจ้าพระยาไชยานุภาพ ใช้ความเฉลียวฉลาด ใช้เท้ายันโคนต้นพุทราแบกร่างยันสู้กับช้างข้าศึกที่มีขนาดใหญ่กว่า ออกแรงพุ่งเข้าชนพลายพันธกอจนเสียหลัก เป็นโอกาสให้สมเด็จพระนเรศ ใช้แสงของ้าวฟันพระมหาอุปราชา โดนที่พระอังสะขวา(บ่าทำให้พระมหาอุปราชาสิ้นพระชนม์บนคอช้างในทันที

.

โดยหลังจากชนะในศึกยุทธหัตถีครั้งนั้น สมเด็จพระนเรศได้พระราชทานนามให้เจ้าพระยาไชยานุภาพ ขึ้นเป็น “เจ้าพระยาปราบหงสาวดี” นับแต่นั้นเป็นต้นมา เป็นการยกย่องช้างคู่พระบารมี ที่มีความจงรักภักดี และมีความกล้าหาญ เสียสละ ช่วยกอบกู้ชาติกู้แผ่นดิน เคียงข้างพระองค์

.

ซึ่งเจ้าพระยาปราบหงสาวดี นับว่าเป็นช้างที่มีลักษณะทางคชลักษณ์ดี โดยเฉพาะส่วนหลังที่โค้งลาด คล้ายก้านกล้วย จนค่ายภาพยนตร์ หยิบจุดเด่นนี้ มาเป็นชื่อตัวละครช้างในการ์ตูนแอนิเมชั่นชื่อดังนั้นเอง

.

ทั้งนี้เมื่อหลังจากการทำสงครามสิ้นสุดลง เจ้าพระยาปราบหงสวาดี ล้มลงในปี ..2139 หรือหลังจากการทำศึกยุทธหัตถีกับพระมหาอุปราชา 4 ปี สมเด็จพระนเรศ ได้โปรดให้มีการสร้างเมรุและพระราชทานเพลิงศพอย่างสมเกียรติเจ้าพระยา ซึ่งตามหลักฐานก็เชื่อได้ว่านับแต่นั้นสมเด็จพระนเรศ ไม่ได้ทรงช้างเชือกไหนอีกเลย

.

เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย!

ชื่อของเจ้าพระยาไชยานุภาพ ยังถูกนำมาใช้ในหลายโอกาส หนึ่งในนั้นถูกนำมาเป็นเกียรติตั้งชื่อให้กับชุดฟุตบอลทีมชาติไทย ที่มีฉายาในวงการฟุตบอลว่า ช้างศึก โดยเมื่อปี 2560 วาริกซ์สปอร์ต ได้ออกแบบชุดเหย้าให้กับทีมฟุตบอลทีมชาติไทย ในชุดสีดำล้วน และตั้งชื่อว่า “ไชยานุภาพ” นั้นเอง

.

สำหรับแฟนเรื่องราวประวัติศาสตร์ไทย สามารถติดตามชมซีรีส์ฟอร์มยักษ์ “ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราชเดอะซีรีส์” ภาคองค์ประกันหงสา ได้ทาง ช่อง 9 MCOT HD หมายเลข 30 ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 18.00 .


ขอบคุณแหล่งข้อมูลและที่มา 

•https://www.silpa-mag.com/news/article_63040

•จากจดหมายเหตุของ de Coutre


ขอบคุณภาพจาก

•จิตรกรรมฝาผนัง อาคารภาพปริทัศน์ อนุสรณ์สถานแห่งชาติ

•จิตรกรรมฝาผนังพระราชประวัติสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ตอน ยุทธหัตถี ในพระวิหารวัดสุวรรณดาราราม.พระนครศรีอยุธยา

Terms of Service © 2025 MCOT.net All rights reserved นโยบายข้อมูลส่วนบุคคล นโยบายการรักษาความมั่นคงปลอดภัยเว็บไซต์ นโยบายเว็บไซต์ของ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน)