X
คู่มือ หญิงตั้งครรภ์ ติดโควิดฯ ดูแลตัวเองอย่างไร ? เจ็บแบบไหน รีบพบหมอ ??

คู่มือ หญิงตั้งครรภ์ ติดโควิดฯ ดูแลตัวเองอย่างไร ? เจ็บแบบไหน รีบพบหมอ ??

11 มี.ค. 2565
1520 views
ขนาดตัวอักษร

น่าเป็นห่วง จากสถานการณ์โรคโควิด-19 กับกลุ่มหญิงตั้งครรภ์ และหญิงหลังคลอด 6 สัปดาห์ รวมถึงทารกแรกเกิด มีแนวโน้มสูงขึ้น โดยล่าสุด (8 มี.ค.2565) กรมอนามัย เปิดสถิติตัวเลข ที่ยิ่งน่าเป็นห่วง เฉพาะกลุ่มนี้กลุ่มเดียว พบติดเชื้อฯ สะสมกว่า 7 พันราย ในจำนวนนี้ เสียชีวิต 110 ราย ขณะที่ทารกแรกเกิดจากหญิงกลุ่มนี้ ติดเชื้อโควิด 319 ราย และเสียชีวิต 67 ราย วันนี้ Backbone MCOT ได้นำข้อมูลงานแถลงข่าว กรมอนามัย มารวมเป็นคู่มือ วิธีดูแลเหล่าคุณแม่ ที่ติดเชื้อโควิด มาบอกกัน ??


โดยเมื่อวันที่ 8 มี.ค. 2565 นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย และ นายแพทย์เอกชัย เพียรศรีวัชรา รองอธิบดีกรมอนามัย ได้เปิดแถลงข่าว เรื่อง หญิงตั้งครรภ์ (ต้อง) ปลอดภัย ในสถานการณ์โควิด-19 ที่ศูนย์แถลงข่าวสถานการณ์ โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงสาธารณสุข จังหวัดนนทบุรี



นายแพทย์สุวรรณชัย  วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย  กล่าวว่า จากข้อมูลสถิติการติดตาม สถานการณ์การแพร่ระบาด ของโรคโควิด-19 ในกลุ่มหญิงตั้งครรภ์ หญิงหลังคลอด 6 สัปดาห์ และทารกแรกเกิด ตั้งแต่ 1 เมษายน 2564 ถึง 5 มีนาคม 2565 ปรากฏว่า

กลุ่มหญิงตั้งครรภ์ และ กลุ่มหญิงหลังคลอด 6 สัปดาห์ ติดเชื้อโควิด สะสมจำนวน 7,210 ราย ในจำนวนนี้ มีเสียชีวิต 110 ราย คิดเป็นร้อยละ 1.5

ขณะที่มีทารกแรกเกิด ที่คลอดจากหญิงกลุ่มนี้ มีจำนวน 4,013 ราย พบทารกแรกเกิด ติดเชื้อโควิด 319 ราย คิดเป็นร้อยละ 8 และมีการเสียชีวิต 67 ราย คิดเป็นร้อยละ 1.6

ซึ่งแนวโน้มการติดเชื้อของ กลุ่มหญิงตั้งครรภ์ และ หญิงหลังคลอด 6 สัปดาห์ มีแนวโน้มที่เริ่มสูงขึ้น สอดคล้องกับการระบาด ระลอกใหม่ของสายพันธุ์โอมิครอน


โดยข้อมูล 4 สัปดาห์ย้อนหลัง เริ่มตั้งแต่สัปดาห์ที่ 6 - 12 กุมภาพันธ์ 2565 เป็นต้นมา จะพบการติดเชื้อ ของหญิงกลุ่มนี้ รายสัปดาห์ที่ 59 คน, 71 คน, 157 คน และ 224 คน ตามลำดับ แสดงให้เห็นถึง อัตราการติดเชื้อที่เพิ่มขึ้น ในช่วง 4 สัปดาห์ที่ผ่านมา ดังนั้น หญิงตั้งครรภ์ และหญิงหลังคลอด 6 สัปดาห์ จึงต้องเฝ้าระวังกันอย่างเข้มข้น เพื่อลดอัตราการติดเชื้อ และเสียชีวิตให้น้อยลง



จากข้อมูล ผลการสำรวจอนามัยโพล ต่อประเด็นความกังวล ของหญิงตั้งครรภ์ ในสถานการณ์โควิด-19 พบว่า ภาพรวมร้อยละ 98 มีความกังวลต่อสถานการณ์ โดยมีความรู้สึกกังวล ตั้งแต่ระดับปานกลางขึ้นไป ถึงร้อยละ 70

ซึ่งเรื่องที่ทำให้ กลุ่มหญิงตั้งครรภ์เหล่านี้ รู้สึกกังวลมากที่สุด คือ การระบาดของโรคโควิด สายพันธุ์โอมิครอน

รองลงมา คือ สังคมการ์ดตก ในการดูแลป้องกัน

และกังวลว่า สถานที่ต่าง ๆ ไม่ปฏิบัติตาม มาตรการป้องกันอย่างเคร่งครัด  





สำหรับในส่วนของการเฝ้าระวัง ความเสี่ยงตนเอง ของกลุ่มหญิงตั้งครรภ์ จากผลสำรวจ อนามัยโพล พบว่า กว่าร้อยละ 80 มีการเฝ้าระวังความเสี่ยง ของตนเองเป็นประจำ

ร้อยละ 82 ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำได้มากที่สุด คือ สังเกตอาการตนเองเบื้องต้น   

ร้อยละ 68 รองลงมา คือ หากพบว่าตนเองเสี่ยง จะทำการตรวจด้วย ATK

และรองลงมา ร้อยละ 57 เลือกที่จะใช้การตรวจวัดอุณหภูมิตนเอง

นอกจากนี้ จะเลือกทำการประเมินตนเองผ่าน “ไทยเซฟไทย” หรือ การใช้แอปพลิเคชันอื่น ๆ





ทั้งนี้ การป้องกันโรคโควิด-19 ด้วยการฉีดวัคซีน เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญ เพื่อสร้างความปลอดภัย ซึ่งในกลุ่มหญิงตั้งครรภ์ หญิงหลังคลอด 6 สัปดาห์ ที่ติดเชื้อโควิด จำนวน 7,210 ราย พบว่า กว่าร้อยละ 87 ไม่ได้รับวัคซีน แต่หากได้รับวัคซีน 2 เข็ม จะมีอัตราตายที่ลดลงเกือบ 10 เท่า เมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีน

โดยข้อมูลการฉีดวัคซีน ของหญิงตั้งครรภ์ ในภาพรวมล่าสุด พบได้รับการฉีดอย่างน้อย 1 เข็มแล้ว จำนวน 117,385 คน

และจากการติดตามผ่านระบบข้อมูล อาการไม่พึงประสงค์ และผลลัพธ์ของการคลอด ของหญิงตั้งครรภ์ ที่ได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 พบว่า

มีหญิงตั้งครรภ์ ที่ได้รับวัคซีน และคลอดแล้วทั้งสิ้น 2,770 คน

ร้อยละ 57 (ส่วนใหญ่) ไม่มีอาการข้างเคียง จากการรับวัคซีนฯ

ร้อยละ 43 ที่มีรายงานว่า มีผลข้างเคียง จากที่รับวัคซีนฯ พบว่า

เกือบทั้งหมด ร้อยละ 97 มีอาการไม่พึงประสงค์ เช่นเดียวกับคนทั่วไป เช่น ปวด, มีไข้, บวมบริเวณที่ฉีด เป็นต้น

ร้อยละ 3 มีรายงานอาการที่เกี่ยวข้อง กับอาการตั้งครรภ์ เช่น ปวดท้องน้อย ซึ่งจากการสอบสวนโรค พบว่า อาการปวดท้องน้อยที่รายงาน เกือบทั้งหมด เป็นอาการเจ็บครรภ์คลอด


นายแพทย์สุวรรณชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวระบุว่า จากข้อมูลเหล่านี้ ขอให้ความมั่นใจ การรับวัคซีนในช่วงตั้งครรภ์ มีความปลอดภัย พร้อมขอเชิญชวนหญิงตั้งครรภ์ ที่ยังไม่ได้รับวัคซีน ให้เข้ามารับวัคซีนตามเกณฑ์ และหญิงตั้งครรภ์ สามารถเข้ารับวัคซีน ได้ทุกอายุครรภ์ และสามารถให้พร้อมกับ วัคซีนอื่น ๆ ที่จำเป็น ในขณะตั้งครรภ์ได้ และส่วนหญิงที่มาคลอด และยังไม่เคยได้รับวัคซีน ขอให้มาฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ก่อนกลับบ้าน ในกรณีที่ยังไม่สมัครใจ ก็ขอให้มีการฉีดวัคซีนโควิด-19 แก่บุคคลในครอบครัวให้ครบทุกคน ตามเกณฑ์ไว้ก่อน




ทางด้าน นายแพทย์เอกชัย  เพียรศรีวัชรา รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า การดูแลหญิงตั้งครรภ์ ในกรณีติดเชื้อ หากไม่มีโรคประจำตัว หรือ ภาวะครรภ์เสี่ยงสูง

(ส่วนนี้ คือ คู่มือ คำแนะนำวิธีดูแล หญิงตั้งครรภ์ ในกรณีติดเชื้อ)

+ สามารถแยกกักตัวที่บ้านได้ แต่ให้งดเยี่ยม ระหว่างแยกกักตัว

+ รักษาระยะห่าง

+ งดการสัมผัสกับ ผู้สูงอายุ และเด็ก

+ แยกห้องพัก ที่นอน ของใช้ส่วนตัวกับผู้อื่น

+ เปิดหน้าต่างให้อากาศถ่ายเท

+ ไม่ควรนอนร่วมกันในห้องปิด ที่ใช้เครื่องปรับอากาศ

+ หลีกเลี่ยงการกินอาหารร่วมกัน

+ สวมหน้ากากอนามัย ตลอดเวลา เมื่อออกจากที่พัก

+ ล้างมือด้วยสบู่ และน้ำ หรือเจลแอลกอฮอล์ ทุกครั้งที่สัมผัสกับผู้อื่น และหยิบจับของ

+ แยกซักเสื้อผ้า และเครื่องนอนด้วยสบู่ หรือผงซักฟอก

+ ควรใช้ห้องน้ำแยกจากผู้อื่น หากเลี่ยงไม่ได้ ให้ใช้คนสุดท้าย

+ หมั่นทำความสะอาดอยู่เสมอ

+ เตรียมถังขยะส่วนตัว ที่มีฝาปิดมิดชิด และให้ทำการฆ่าเชื้อขยะนั้น พร้อมทำเครื่องหมาย แจ้งเป็นขยะติดเชื้อให้ชัดเจน

+ และเตรียมของใช้ส่วนตัว ทั้งในบริเวณที่นอน และห้องน้ำ





หญิงตั้งครรภ์ กลุ่มเฝ้าระวัง

ทั้งนี้ อาการที่ควรเฝ้าระวัง ในกรณีแยกกักตัวที่บ้าน คือ

1) ท้องแข็งบ่อย เลือดออกทางช่องคลอด น้ำใส ๆ ไหลออกทางช่องคลอด หรือเรียกว่า อาการน้ำเดิน

2) อาการของครรภ์เป็นพิษ หรือทางการแพทย์เรียกว่า มีความดันสูงในระหว่างตั้งครรภ์ เช่น ปวดศีรษะ ตาพร่ามัว จุกแน่นลิ้นปี่

ซึ่งหากเกิดอาการเหล่านี้ ให้รีบติดต่อเจ้าหน้าที่ เพราะเป็นอาการ เจ็บท้องก่อนกำหนด ซึ่งต้องรีบนำส่งตัว ไปดูแลในสถานพยาบาล ที่ท่านฝากครรภ์


หญิงตั้งครรภ์ กลุ่มผู้ป่วยสีแดง **เกิดอาการ ต้องรีบเข้ารักษาทันที**

นอกจากนี้ อาการที่ควรแจ้งแพทย์ และเข้ารับการรักษาทันที คือ กลุ่มผู้ป่วยสีแดง ที่มีอาการรุนแรง ต้องรีบเข้ารับการรักษาตัวโดยเร็ว ซึ่งมีอาการดังนี้

1. ระบบหายใจ มีปัญหารุนแรง ทำให้หายใจลำบาก หอบเหนื่อย หากเอกซเรย์ จะพบปอดอักเสบรุนแรง  

2. เกิดภาวะปอดบวม จากการเปลี่ยนแปลง ความอิ่มตัวของเลือดน้อยกว่า 96 เปอร์เซ็นต์ หรือลดลง 3 เปอร์เซ็นต์ จากค่าที่วัดได้ในตอนแรก และ

3. แน่นหน้าอกตลอดเวลา และหายใจเจ็บหน้าอก ตอบสนองช้า หรือไม่รู้สึกตัว





และ นายแพทย์เอกชัย รองอธิบดีกรมอนามัย ได้ชี้แจงต่อคำถาม ที่พบบ่อยว่า

+ หญิงตั้งครรภ์ ที่ติดเชื้อ จำเป็นต้องผ่าตัดทุกคนหรือไม่ ?

ไม่จำเป็นต้องผ่าตัด จะทำตามข้อบ่งชี้ ตามความจำเป็น ทางสูติกรรม


+ หญิงหลังคลอดบุตร จะกอด และอุ้มลูก ได้หรือไม่ ?

กรณีแม่ติดเชื้อ สามารถกอด และอุ้มลูกได้ แต่จะต้องนำลูกไปตรวจการติดเชื้อก่อน ถ้าลูกติดเชื้อรุนแรง ต้องรีบรักษาก่อน และถ้าลูกไม่ติดเชื้อ สามารถอุ้ม และกอดได้ภายใต้เงื่อนไข การดูแลความปลอดภัย และที่สำคัญ ห้ามหอมแก้มลูกเด็ดขาด เพราะอาจทำให้ลูกติดเชื้อได้


+ คุณแม่ที่ติดเชื้อ หลังคลอด จะให้ลูกดูดนมจากเต้า ได้หรือไม่ ?

ยืนยัน สามารถให้ลูก ดูดนมจากเต้าแม่ได้ จากงานวิจัยพบว่า น้ำนมแม่ไม่มีเชื้อโควิด-19 แต่จะให้นมลูกได้ ต้องดูแลความสะอาด ภายในเงื่อนไขความปลอดภัย


+ ยาฟ้าทะลายโจร และยาฟาวิพิราเวียร์ ในกรณีหญิงตั้งครรภ์ และหญิงที่ให้นมลูก รับประทานได้หรือไม่ ?

คำแนะนำ หญิงตั้งครรภ์ 3 เดือนแรก และหญิงที่ให้นมลูก ไม่แนะนำให้ทาน ยาฟ้าทะลายโจร และยาฟาวิพิราเวียร์ อาจมีผลต่อเด็กในครรภ์ได้ ซึ่งในตอนนี้ หญิงตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อ ทางแพทย์จะให้ยาอีกตัวหนึ่ง ที่ปลอดภัยกว่าทั้ง 2 นั้น คือ ยาเรมเดซิเวียร์ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับบริบทของพื้นที่ ซึ่งต้องดูเป็นรายผู้ป่วยไป





อ้างอิง และขอบคุณข้อมูล จาก :

คลิปวิดีโอ กระทรวงสาธารณสุข แถลงข่าว ประเด็น “หญิงตั้งครรภ์ (ต้อง) ปลอดภัย ในสถานการณ์โควิด 19”
โดย นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย และ นายแพทย์เอกชัย เพียรศรีวัชรา รองอธิบดีกรมอนามัย (8 มี.ค.65)
(**คลิปวิดีโอ มีล่ามภาษามือ สำหรับผู้ที่มีปัญหาทางการได้ยิน**)
คลิกที่นี่ : > “หญิงตั้งครรภ์ (ต้อง) ปลอดภัย ในสถานการณ์โควิด 19”

เฟซบุ๊ก : กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข
https://www.facebook.com/anamaidoh

เว็บไซต์ : กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข
https://www.anamai.moph.go.th

เว็บไซต์ : ไทยเซฟไทย (Thai Save Thai)
https://savethai.anamai.moph.go.th/main.php


อ่านความคิดเห็นของเพื่อนๆ ..คิดอย่างไรกับเรื่องนี้ เขียนเลย
Terms of Service © 2025 MCOT.net All rights reserved นโยบายข้อมูลส่วนบุคคล นโยบายการรักษาความมั่นคงปลอดภัยเว็บไซต์ นโยบายเว็บไซต์ของ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน)