สดช. เผยผลสำรวจคนไทยใช้เน็ต ปี64 นาน 10 ชม.
ใช้ทำงานจากที่บ้านมากสุด 75.2%
นางวรรณพร เทพหัสดิน ณ อยุธยา
เลขาธิการคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เผย สำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สดช.)
ได้ลงนามความร่วมมือในโครงการ Thailand Digital Outlook ซึ่งเป็นผลสำรวจดัชนีชี้วัดการพัฒนาด้านเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศ
ร่วมกับ สำนักงานสถิติแห่งชาติ (สสช.) สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์
(สพธอ.) สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (สศด.)
สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ
(กสทช.) สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ
(สอวช.) และสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (สพร.)
เพื่อยกระดับการบริหารงานภาครัฐให้เป็นระบบดิจิทัล
ที่มีระบบการทำงานและข้อมูลเชื่อมโยงกันระหว่างหน่วยงานของรัฐ
สำหรับการศึกษาวิจัย Thailand Digital Outlook ได้ศึกษาการเข้าถึง พฤติกรรม และการตระหนักรู้ด้านความปลอดภัยในการใช้อินเทอร์เน็ตในภาคประชาชน การใช้ช่องทางออนไลน์ การลงทุนวิจัยและการพัฒนาทักษะของบุคลากรด้านดิจิทัลทั้งในองค์กรธุรกิจเอกชนและหน่วยงานภาครัฐ โดยได้ศึกษาจากกลุ่มตัวอย่างจาก 77 จังหวัดทั่วประเทศ แบ่งออกเป็น ภาคประชาชน 39,145 ตัวอย่าง ภาคธุรกิจเอกชน 3,381 ตัวอย่าง และหน่วยงานภาครัฐที่ให้บริการปฐมภูมิแก่ประชาชน 935 ตัวอย่าง สำรวจระหว่างเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม 2564
การสำรวจพบว่า 76.6%
ของประชาชนยังซื้อสินค้าและบริการทางออนไลน์
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้าประเภทอาหารและเครื่องดื่ม โดยมี Shopee และ
Lazada เป็นแพลตฟอร์มซื้อขายออนไลน์ยอดนิยมอันดับต้นๆ
การศึกษายังพบว่าประชาชนส่วนใหญ่คิดเป็นสัดส่วน 60.7% ใช้บริการออนไลน์ภาครัฐ
ยกตัวอย่างเช่น การชำระค่าน้ำและค่าไฟ นอกจากนี้ 64.6%
ของประชาชนที่เป็นกลุ่มตัวอย่างยังทำงานโดยใช้การประชุมทางไกลผ่าน VDO
Conference อีกด้วย
โดยสถานที่หลักที่ประชาชนนิยมใช้อินเทอร์เน็ตในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19ได้แก่
ที่พักอาศัยของตนเอง 70.2% และสถานที่ทำงาน 22.2%
อย่างไรก็ตาม การศึกษาพบว่า 61.7% ของประชาชนมักเกิดความเครียดบ่อยมากขึ้นเมื่อทำงานด้วยคอมพิวเตอร์ หากมองถึงความปลอดภัยในการซื้อขายหรือทำธุรกรรมทางการเงินออนไลน์ มีเพียงแค่ 43.6% ของประชาชนที่รู้จัก พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และ 43.1% ของประชาชนเคยพบปัญหาด้านความปลอดภัยทางเทคโนโลยี การป้องการทางเทคโนโลยีโดยส่วนใหญ่เป็นการเปลี่ยนรหัสผ่านในการเข้าระบบเท่านั้น
การสำรวจยังพบ 73.9%
ของผู้ประกอบการยังมีช่องทางออนไลน์เพื่อจำหน่ายสินค้าและบริการ และ 28.0%
ของผู้ประกอบการมีการสั่งซื้อสินค้าและบริการออนไลน์
โดยช่องทางออนไลน์และสื่อสังคมที่ผู้ประกอบการนิยมใช้ได้แก่ YouTube , Line , Facebook
และ Twitter เป็นต้น นอกจากนี้
มีผู้ประกอบการจำนวนมากถึง 88.5% ที่ใช้บริการออนไลน์ภาครัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
การยื่นภาษีและนำส่งข้อมูลบัญชี เกี่ยวกับปัจจัยทางด้านบุคลากร
สำหรับหน่วยงานภาครัฐที่ให้บริการแก่ประชาชน พบ
76.4% มีการใช้อินเทอร์เน็ต โดย 69.1% ของหน่วยงานภาครัฐมีการให้บริการออนไลน์
โดยมี Facebook เป็นช่องทางออนไลน์ที่นิยมมากที่สุด
และมีบริการประชาสัมพันธ์และให้ข้อมูลเป็นบริการที่มีมากที่สุด อย่างไรก็ตาม
จากการสำรวจ
พบว่าสัดส่วนพนักงานไอทีในหน่วยงานภาครัฐยังมีจำนวนที่น้อยมากเมื่อเทียบกับพนักงานในแผนกอื่นๆ
หรือเป็นสัดส่วนน้อยกว่า 5%
โดยเจ้าหน้าที่ไอทีส่วนใหญ่จะมีหน้าที่ดูแลและพัฒนาเว็บไซต์เป็นหลัก ทางด้านความปลอดภัยทางเทคโนโลยีดิจิทัล
69.7% ของเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานภาครัฐรู้จัก พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
ในขณะที่ 39.7% เคยพบปัญหาด้านความปลอดภัยทางเทคโนโลยี
เกร็ดความรู้
ข้อมูลจาก สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์
(สพธอ.) ที่เผยแพร่สถิติการใช้งานอินเทอร์เน็ตปี 2563 พบคนไทยใช้อินเทอร์เน็ตเฉลี่ยวันละ
11 ชั่วโมง 25 นาที เพิ่มขึ้นจากปี 2562 ถึง 1 ชั่วโมง 3 นาที โดยปี2563 เป็นการใช้ติดต่อสื่อสารผ่าน
Social Media เช่น
Facebook, LINE,
Instagram มากสุดคิดเป็น
95.3%