X
ตำนานปาท่องโก๋ ซอพท์พาวเวอร์ไทย ??  ตำนานแห่งวีรชนและคนขายชาติ

ตำนานปาท่องโก๋ ซอพท์พาวเวอร์ไทย ?? ตำนานแห่งวีรชนและคนขายชาติ

18 ม.ค. 2567
3650 views
ขนาดตัวอักษร

18 ม.ค. 67 - ปาท่องโก๋ ขนมที่หาได้ง่าย ๆ แทบทุกเช้า ที่กำลังจะกลายเป็น Soft Power ของไทย ?? ตำนานยาวนานนับพันปี เกี่ยวพันถึงประวัติศาสตร์จีน วีรชนผู้กล้า และขุนนางกังฉิน

ปาท่องโก๋ ความจริงไม่ใช่ ปาท่องโก๋ ต้องเข้าใจกันก่อนว่าจริง ๆ แล้ว “ปาท่องโก๋” ที่เป็นภาษากวางตุ้ง แปลว่า “ขนมน้ำตาลขาว" เป็นขนมชนิดหนึ่งของคนกวางตุ้ง รูปร่างเป็นสี่เหลี่ยม เนื้อสัมผัสคล้ายกับขนมถ้วยฟูแต่จะเหนียวกว่า ไม่ใช่ปาท่องโก๋ที่เราทานกันปัจจุบัน แต่ลักษณะของปาท่องโก๋ที่คนไทยเรียกกันนั้น คือ “อิ่วจาก้วย” เป็นภาษาแต้จิ๋ว แปลว่า ขนมทอดน้ำมัน ซึ่งตรงตามลักษณะของ “ปาท่องโก๋” แบบที่เราเรียกติดปาก โดยคาดว่าน่าจะเพี้ยนมาจากคำว่า “ปั้กถ่งโก๋” ในภาษาจีนกวางตุ้ง โดยแปลง่าย ๆ ว่า ขนมน้ำตาลทรายขาว ดังนั้น ซาลาเปาทอด หรือแป้งทอดใส่น้ำตาลที่ขายคู่กับอิ่วจาก้วยน่าจะเป็นเจ้าของชื่อ ปั๊กถ่งโก๋ มากกว่า เนื่องจากสมัยก่อนเมื่อแม่ค้าชาวจีนที่ขายปั๊กถ่งโก๋ มักจะขายอิ่วจาก้วยคู่กันด้วย พอคนขายตะโกนร้องขายขนมสองชนิดนี้ อาจทำให้คนไทยเข้าใจผิดเรียกชื่อสลับกัน คิดว่า เจ้าแป้งสองชิ้นทอดติดกันนี้มีชื่อว่า “ปาท่องโก๋” ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา อันนี้คือตำนานชื่อเรียกที่ไทยเรียกผิด คราวนี้มาถึงตำนานของขนมชนิดนี้ที่เกี่ยวพันกับวีรชนเทพเจ้าแห่งความซื่อสัตย์ของจีนโบราณ


หน้าตาปาท่องโก๋จริงๆ

ในสมัยราชวงค์ซ่ง (ค.ศ.960 - 1270) มีขุนพลผู้หนึ่งชื่อว่างักฮุย หรือจีนกลางออกเสียงว่า เย่ว์ เฟย เป็นนักรบซึ่งมีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดในประวัติศาสตร์จีน มีชีวิตอยู่ในยุคราชวงศ์ซ่งใต้ เป็นแม่ทัพผู้ต่อต้านการรุกรานของชนเผ่าหนี่เจินแห่งอาณาจักรต้าจิน งักฮุย เกิดในยุคราชวงศ์ซ่งเหนือ ที่เมืองอันหยาง มณฑลเหอหนาน เมื่อยังเด็กบ้านของงักฮุยเคยเกิดอุทกภัยครั้งรุนแรงจากเขื่อนแตก ต่อมาเมื่อเข้าสู่วัยหนุ่ม แผ่นดินซ่งเกิดวิกฤติ อาณาจักรนอกด่านมีชื่อว่าจิน ยกกองกำลังเข้ามาทำสงครามและสามารถยึดเมืองไคฟงเมืองหลวงของอาณาจักรซ่งเหนือได้ และจับฮ่องเต้สองพระองค์ คือ ซ่งฮุยจง และซ่งชินจง ฮ่องเต้สองพ่อลูก ถูกจับเป็นเชลยศึก สิ้นสุดราชวงศ์ซ่งเหนือ ราชธานีถูกเชื้อพระวงศ์ที่เหลือย้ายมาทางใต้ ต่อมาเรียกว่าราชวงศ์ซ่งใต้มีเมืองหลวงที่เมืองหางโจว 


รูปวาดงักฮุยหรือเย่ว์เฟย

ซึ่งเหตุการณ์นั้นส่งผลต่อราษฎรราชวงศ์ซ่งเกิดความอัปยศอดสู เช่นเดียวกับงักฮุยที่มีความเคียดแค้นราชวงศ์จิน จึงปณิธานที่จะรับใช้ชาติและกอบกู้ราชวงศ์ซ่ง ด้วยความตั้งใจประกอบกับการสนับสนุนจากมารดา เขาจึงสมัครเข้าเป็นทหารของซ่งใต้ และองค์ชายจ้าวโกว โอรสของซ่งฮุ่ยจง ได้เสด็จหนีลงใต้และสถาปนาราชวงศ์ซ่งใต้ โดยขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดิซ่งเกาจง โดยก่อนออกจากบ้านไปรับใช้ชาติ มารดางักฮุยได้สลักอักษรจีน 4 ตัวไว้กลางแผ่นหลังของบุตรชาย ความว่า จิงจงเป้ากว๋อ หมายถึง ซื่อตรง ภักดี ล้างแค้น เพื่อชาติ


รูปสักการะงักฮุยในศาลเจ้า

เมื่อเข้ารับราชการทหาร งักฮุยได้แสดงถึงศักยภาพในการรบ ชนะศึกได้เป็นจำนวนมาก โดยงักฮุยได้วิชาพิชัยสงครามจากแม่ทัพนามว่าจงเจ๋อ ทำให้เขาชนะทุกศึกที่เข้ารบ และกลายเป็นมือขวาของแม่ทัพจงเจ๋อ หลังจากแม่ทัพจงเจ๋อเสียชีวิต งักฮุยได้เป็นผู้สืบทอดตำแหน่งแม่ทัพและสร้างผลงานจนได้เป็นแม่ทัพใหญ่ เมื่ออายุเพียง 32 ปี  แต่ปณิธานที่ตั้งไว้ยังไม่สำเร็จ เขายังไม่สามารถทวงคืนแผ่นดินซ่งเหนือคืนมาได้ และไล่ทัพจินออกจากแผ่นดิน

หลังเป็นแม่ทัพใหญ่ งักฮุยมีชื่อเสียงเลื่องลือ ในด้านความเข้มงวดและระเบียบวินัย ทั้งดำรงความซื่อสัตย์และซื่อตรง  โดยกองทัพงักฮุยมีกฎเหล็กที่ยึดไว้คือ “แม้ต้องหนาวตายก็ไม่ขอเบียดเบียนบ้านชาวประชา แม้ต้องอดตายก็จะไม่ปฏิบัติตัวเยี่ยงโจร” ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้กองทัพงักฮุยครองใจชาวบ้านและทำให้มีกองกำลังอิสระมาเข้าร่วมเป็นอันมาก

งักฮุยเชี่ยวชาญกลศึก รู้จักใช้คนน้อยเอาชนะคนมาก รวมทั้งพลิกแพลงแก้ไขสถานการณ์ซึ่งหน้า  ซึ่งนับว่าไม่มีแม่ทัพในยุคนั้นคนไหนหาเปรียบได้ และสำคัญที่งักฮุยออกศึกคราใด ไม่เคยปราชัย สร้างความหวั่นเกรงให้กับกองทัพจินอย่างยิ่ง 

เมื่อทำศึกไปเรื่อย ๆ จากใต้ขึ้นเหนือ กวาดล้างแคว้นฉีซึ่งเป็นเมืองบริวารของอาณาจักรจิน และชิงดินแดนกลับคืน รุกไล่กองทัพจิน จนกระทั่งอยู่ห่างจาก เมืองไคฟง เมืองหลวงเดิมเพียงนิดเดียวเท่านั้น เมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้ หวันเหยียนวูซู จอมทัพของอาณาจักรจินได้สั่งให้ อัครมหาเสนาบดี ฉินฮุ่ย ขุนนางโฉด ผู้เป็นไส้ศึก ซึ่งในสมัยที่ถูกจับตอนที่อยู่เมืองไคฟง ตัวของฉินฮุ่ยเคยเสนอตัวรบให้กับกองทัพจินมาแล้ว ก่อนถูกปล่อยออกมาและกลายเป็นขุนนางใหญ่ ฉินฮุ่ยเพ็ดทูลต่อองค์ฮ่องเต้ว่าทัพของงักฮุยนั้นเป็นอุปสรรคต่อการเจรจาสงบศึกกับต้าจิน และที่สำคัญคือ ฉินฮุ่ยได้ทำให้ซ่งเกาจงระแวงว่า หากงักฮุยสามารถยึดดินแดนกลับคืนมาได้เรื่อย ๆ สุดท้ายก็อาจจะสามารถชิงตัวอดีตฮ่องเต้ซุ่งฮุ่ยจง และซ่งชินจง พระราชบิดาและพระเชษฐาของซ่งเกาจงกลับมา ซึ่งอาจทำให้ซ่งเกาจงต้องเสียบัลลังก์ไป 

ทำให้ฮ่องเต้ซ่งเกาจง คิดสะระตะดูแล้วนั้น อำนาจราชบัลลังค์ของตัวเองนั้นสำคัญกว่าแผ่นดินที่เสียไป จึงมีราชโองการสั่งให้งักฮุยถอนทัพกลับ ซึ่งแม่ทัพงักฮุยก็ขัดราชโองการไม่กลับจนมีราชโองการถึง 12 ฉบับ งักฮุยจึงต้องถอนทัพกลับ ทำให้ปณิธานที่จะกำจัดทัพจินและฟื้นดินแดนซ่งของงักฮุยต้องสิ้นสุดลง

เมื่อกลับถึงเมืองหลวง งักฮุยถูกฉินฮุ่ยใส่ความว่า ขัดราชโองการ คิดมักใหญ่ใฝ่สูง และฉินฮุ่ยก็ใส่ร้ายงักฮุยต่าง ๆ นานา อย่างไรก็ตาม ฉินฮุ่ยก็ยังไม่ยอมลดละความพยายามในการป้ายสีงักฮุยต่าง ๆ นานา แม้จะตรวจไม่พบความผิดใด ๆ ก็ตาม แต่ในที่สุดฉินฮุ่ยก็ปั้นเรื่องจนทำให้งักฮุยต้องถูกโทษประหารในที่สุด โดยเมื่อมีขุนนางฝ่ายงักฮุยคนอื่น ๆ ทักท้วง และตั้งคำถามฉินฮุ่ยว่ามีหลักฐานในการกล่าวโทษงักฮุยหรือไม่ ฉินฮุ่ยก็ตอบว่า "อาจจะมีก็ได้" คำตอบของฉินฮุ่ยที่ว่า "อาจจะมีก็ได้" นี้ ภายหลังกลายเป็นศัพท์ที่ถูกจารึกไว้ต่อ ๆ มาว่ามีความหมาย คือการให้ร้ายผู้อื่นโดยปราศจากหลักฐาน สุดท้ายงักฮุยถูกประหารในวัย 39 ปี

ความตายอย่างอยุติธรรมของแม่ทัพผู้ซื่อสัตย์ สร้างความโกรธแค้นให้ปวงประชาเป็นอันมาก ชาวบ้านที่โกรธแค้นที่ฉินฮุ่ยสั่งประหารงักฮุย แต่ไม่อาจทำอะไรได้ เนื่องจากขุนนางโฉดผู้นี้ยังมีอำนาจมาก จึงมีคนคิดทำแป้งทอดน้ำมัน เรียกว่า อิ้วจาก้วยโดยสมมติเป็น ฉินฮุ่ยและภรรยา เอามาทอดแล้วฉีกกินให้สมแค้น ซึ่งอาหารดังกล่าว ต่อมาคนไทยเรียกเพี้ยนว่าปาท่องโก๋อย่างที่กล่าวมา 


รูปปั้นท่านงักฮุยภายนอกศาลเจ้า

สำหรับงักฮุยเมื่อท่านถูกประหารแล้วต่อมาได้มีการเคลื่อนย้ายหลุมฝังศพของงักฮุยมาตั้งไว้ริมทะเลสาบซีหู ณ เมืองหางโจว ณ ปัจจุบัน ศาลเจ้างักฮุยที่ริมทะเลสาบซีหู เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์แห่งหนึ่งของจีน ภายหลังฮ่องเต้ซ่งหนิงจงได้ยกย่องวีรกรรมของงักฮุยและพระราชทานบรรดาศักดิ์ให้เป็น งักอ๋อง โดยเนื้อความในราชโองการว่า งักฮุยจงรักภักดีสละชีพเพื่อชาติ เกียรติประวัติสืบมา ถึงแม้กลับมารับราชการ ยังไม่เสร็จสิ้นการยกย่องสรรเสริญ พระราชทานบรรดาศักดิ์กรณีพิเศษเป็นอ๋อง “  พร้อมกับต่อมาได้มีการสร้างรูปปั้นทองแดงฉินฮุ่ยและภรรยาเพื่อให้ผู้คนถุยน้ำลายใส่เพื่อเป็นการประณามด้วย ตำนานงักฮุยทำให้ท่านกลายเป็นเทพเจ้าแห่งความซื่อสัตย์ของจีนเช่นเดียวกับท่านกวนอูแห่งสามก๊ก แม้ว่าตอนหลังจะมีการพยายามลบท่านงักฮุยออกจากเทพเจ้าแห่งความซื่อสัตย์เนื่องจากแผ่นดินจีนตกอยู่ภายใต้ราชวงศ์ชิงซึ่งเป็นชาวแมนจูซึ่งสืบเชื้อสายมาจากชาวหนี่เจิน หรือราชวงศ์จินนั่นเอง นอกจากนั้นเรื่องราวของท่านงักฮุยมีอยู่ในนวนิยายวรรณกรรมหลายเรื่องจนถึงปัจจุบัน ที่มีชื่อเสียงอย่างเช่นมังกรหยก และ ดาบมังกรหยก ของกิมย้ง นักประพันธ์ชื่อดังชาวจีนฮ่องกง


รูปปั้นฉินฮุ่ยสามีภรรยาขึ้นคราบเขียวจากการถูกถ่มน้ำลายมาหลายร้อยปี

สำหรับฉินฮุ่ย หลังจัดการงักฮุยได้แล้ว ก็เจรจากับราชวงศ์จินจนสามารถปล่อยเชื้อพระวงศ์ราชวงค์ซ่งได้บางคน รวมทั้งพระมารดาของฮ่องเต้ซ่งเกาจง ทำให้ฉินฮุ่ยยิ่งกลายเป็นคนโปรดหนักกว่าเดิม และลกูหลานญาติพี่น้องของฉินฮุ่ยก็เข้ามามีอำนาจในราชสำนัก ใครที่ไม่ใช่พวกฉินฮุ่ยจะกำจัด และในระหว่างที่กำลังทรมานผู้ไม่ใช่พวกของตนเพื่อเค้นข้อมูลอยู่นั้น จู่ๆ ฉินฮุ่ยก็ล้มลงชักจนหมดสติและเป็นอัมพาตเคลื่อนไหวไม่ได้ ก่อนที่จะหมดลมหายใจไปเฉยๆ ในวันถัดมา การตายของฉินฮุ่ยนั้นสร้างความเสียใจให้กับฮ่องเต้ซ่งเกาจงเป็นอย่างมากจนถึงขนาดแต่งตั้งให้ฉินฮุ่ยเป็น “ท่านอ๋องแห่งเซิน” เพื่อเป็นการเชิดชูให้กับคุณงามความดีของฉินฮุ่ย

แต่ตระกูลของฉินฮุ่ยก็ยิ่งใหญ่ได้ไม่นาน หลังสิ้นสุดฮ่องเต้ซ่งเกาจง ฮ่องเต้องค์ต่อมาซ่งเซี่ยวจงได้ปลดลูกหลานตระกูลจินออกจากราชสำนักทั้งหมดพร้อมกับปลดบรรดาศักดิ์ออกด้วย เป็นการสิ้นสุดขุนนางกังฉินอย่างฉินฮุ่ย สำหรับราชวงศ์จินหรือต้าจิน สุดท้ายแล้วก็ถูกมองโกลที่บุกลงมาจากทางเหนือนำโดยเจงกิสข่าน ล้มล้างลงไปในที่สุด 


นี่คือตำนานของ “อิ่วจาก้วย” หรือ “ปาท่องโก๋” ของคนไทย มีตำนานมากว่าพันปี จริง ๆ แล้วเราสามารถหาปาท่องโก๋รับประทานได้เกือบทั่วโลก โดยเฉพาะในพื้นที่ ๆ มีคนจีนอยู่จำนวนมาก เช่นในไทย มาเลเซีย สิงคโปร์ เวียดนาม หรือแม้กระทั่งใน China Town ในที่ต่าง ๆ และรวมถึงจีนแผ่นดินใหญ่ และไต้หวัน จนแทบจะเรีกยว่าวัฒนธรรมร่วมของคนเชื้อสายจีนทั่วโลกก็ว่าได้ ส่วนรูปลักษณ์แต่ละที่อาจต่างกันไป บางทีชิ้นใหญ่ชิ้นเล็ก หรือการรับประทานอาจจะรับประทานเป็นอาหารคาว เครื่องเคียงหรืออาหารว่าง แล้วแต่พื้นที่ แต่ที่เหมือนกันก็คือเป็นแผ่นแป้งสองแผ่นแปะกันทอดจนเหลือง ประหนึ่งทอดและเคี้ยวขุนนางกังฉินผัวเมียให้หายแค้น 



อ่านความคิดเห็นของเพื่อนๆ ..คิดอย่างไรกับเรื่องนี้ เขียนเลย
Terms of Service © 2018 MCOT.net All rights reserved นโยบายข้อมูลส่วนบุคคล