วันมาฆบูชา วันที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง “โอวาทปาติโมกข์” แก่พระสงฆ์เป็นครั้งแรก และมีเหตุอัศจรรย์เกิดขึ้นถึง 4 ประการ นับได้ว่าเป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาวันหนึ่งของไทย แต่รู้ไหมคะว่าการประกอบพิธีต่าง ๆ ในวันมาฆบูชาของไทยนั้นเริ่มขึ้นตั้งแต่เมื่อไร? วันนี้ Backbone MCOT รวบรวมข้อมูลมาให้ทุกท่านได้อ่านกันค่ะ
วันมาฆบูชาตามปฏิทินจันทรคติของไทยนั้นจะตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 แต่ถ้าปีใดมีเดือนอธิกมาส (มีเดือน 8 สองครั้ง) วันมาฆบูชา ก็จะเลื่อนไปเป็นวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 4 และในปีนี้วันมาฆบูชา ก็ตรงกับวันที่ 26 มีนาคม 2564 เป็นวันที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง “โอวาทปาติโมกข์” แก่พระสงฆ์เป็นครั้งแรก หลังตรัสรู้มาแล้ว 9 เดือน หลักคำสอนนี้มีใจความเรื่อง “ทำความดี ละเว้นความชั่ว ทำจิตใจให้บริสุทธิ์”
วันมาฆบูชา มีเหตุอัศจรรย์เกิดขึ้นถึง 4 ประการ คือ
1. วันนั้นตรงกับวันเพ็ญ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 ซึ่งพระจันทร์เสวยมาฆฤกษ์ (ดวงจันทร์ในคืนวันเพ็ญเต็มดวง โคจรผ่านกลุ่มดาวมาฆะในเดือน 3)
2. มีพระสงฆ์จำนวน 1,250 รูป มาประชุมพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย ณ วัดเวฬุวัน เมืองราชคฤห์ แคว้นมคธ เพื่อสักการะพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
3. พระสงฆ์ที่มาประชุมทั้งหมดล้วนแต่เป็นพระอรหันต์ ผู้ได้อภิญญา 6*
4. พระสงฆ์ทั้งหมดได้รับการอุปสมบทโดยตรงจากพระพุทธเจ้า เรียกว่าเป็น “เอหิภิกขุอุปสัมปทา”
เหตุอัศจรรย์ 4 ประการข้างต้น ทำให้วันมาฆบูชา เรียกได้อีกชื่อว่า “วันจาตุรงคสันนิบาต” หมายถึง การประชุมด้วยองค์ 4
จาตุร แปลว่า 4
องค์ แปลว่า ส่วน
สันนิบาต แปลว่า ประชุม
ความเป็นมาของวันมาฆบูชาในประเทศไทย
การทำบุญในวันมาฆบูชา ไม่มีหลักฐานปรากฏชัดเจน แต่ในหนังสือ “พระราชพิธีสิบสองเดือน” พระราชนิพนธ์ของ “พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว” มีเรื่องราวการประกอบราชกุศลมาฆบูชาเอาไว้ กล่าวคือ
ไทยเริ่มกำหนดพิธีปฏิบัติในวันมาฆบูชาเป็นครั้งแรกในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 มีการประกอบพิธีเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2394 ในพระบรมมหาราชวังก่อน มีพิธีพระราชกุศลในเวลาเช้า นมัสการพระสงฆ์จากวัดบวรนิเวศราชวรวิหาร และวัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร จำนวน 30 รูป มาฉันภัตตาหารในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม
เวลาค่ำพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จออกทรงจุดธูปเทียนนมัสการ พระสงฆ์ทำวัตรเย็นและสวดคาถาโอวาทปาติโมกข์ เมื่อสวดจบทรงจุดเทียน 1,250 เล่ม รอบพระอุโบสถ มีการประโคมอีกครั้งหนึ่งแล้วจึงมีการเทศนาโอวาทปาติโมกข์ 1 กัณฑ์ เป็นทั้งเทศนาภาษาบาลีและภาษาไทย ส่วนเครื่องกัณฑ์ประกอบด้วย จีวรเนื้อดี 1 ผืน เงิน 3 ตำลึง และขนมต่าง ๆ เมื่อเทศนาจบ พระสงฆ์ 30 รูป สวดรับ
ในสมัยรัชกาลที่ 4 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจะเสด็จออกประกอบพิธีด้วยพระองค์เองทุกปี ส่วนในสมัยรัชกาลที่ 5 มีการยกเว้นเป็นบางครั้งเพราะฃตรงกับช่วงเสด็จประพาส ก็จะทรงประกอบพิธีมาฆบูชาในสถานที่นั้น ๆ ขึ้นอีกแห่ง นอกเหนือจากภายในพระบรมมหาราชวัง
ต่อมาการประกอบพิธีมาฆบูชาได้แพร่หลายออกไปภายนอกพระบรมมหาราชวัง รัฐบาลจึงประกาศให้เป็นวันหยุดราชการเพื่อให้ประชาชนได้ไปวัด ทำบุญและประกอบกิจกรรมทางศาสนา
วันมาฆบูชา ถือว่าเป็นวันพระธรรม (วันวิสาขบูชา เป็นวันพระพุทธ และวันอาสาฬหบูชา เป็นวันพระสงฆ์)
*อภิญญา 6 ประกอบด้วย
1. อิทธิวิธี แสดงฤทธิ์ต่างๆ ได้ เช่น นิรมิตกายคนเดียวให้เป็นหลายคนได้
2. ทิพพโสต คือ หูทิพย์
3. เจโตปริยญาณ คือ ญาณที่สามารถรู้ใจคนอื่นได้
4. ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ คือ ความรู้ที่ทำให้ระลึกชาติได้
5. ทิพพจักขุ คือ ตาทิพย์ หรือจุตูปปาตญาณ
6. อาสวักขยญาณ คือ ความรู้ที่ทำอาสวกิเลสให้สิ้น