ภายหลังปราบดาภิเษกขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์องค์ปฐมบรมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชได้ ย้ายพระนครมาตั้งอยู่ในที่ปัจจุบันที่เราเรียกเมืองกรุงเทพมหานคร เหตุผลของการย้ายเมืองหลวง เพราะเห็นว่า “ฝั่งตะวันออกมีชัยภูมิที่ดีกว่าฝั่งตะวันตกเพราะเป็นแหลมมีลำน้ำเป็นขอบเขตอยู่กว่าครึ่งถ้าตั้งพระนครฝั่งตะวันออก เกิดข้าศึกยกมาติดถึงชานพระนครจะต่อสู้ป้องกันได้ง่ายกว่าฝั่งตะวันตก “
อีกเหตุผลหนึ่งเพราะทรงเห็นว่าพระราชวังเดิมนั้นตั้งอยู่ระหว่างวัดอรุณราชวราราม กับวัดโมลีโลกยาราม ดูไม่เหมาะสมเพราะจะขยายพระราชวังคงยากติดกับพื้นที่วัด
สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพมีคำวินิจฉัยไว้อีกว่า น่าจะมีการคิดไว้ล่วงหน้าแล้ว และมีการสำรวจพื้นที่เอาไว้ก่อนเมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงจึงย้ายพระนครได้ทันที อีกเหตุผลหนึ่งของการรีบย้ายพระนครเป็นเพราะบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชทรงเห็นว่าจะมีศึกเกิดขึ้น และอาจมีการรบติดชานพระนครเป็นแน่ แล้วก็เป็นไปตามคาดเมื่อปีพ.ศ. 2328 ไม่มีสงครามเก้าทัพเกิดขึ้นจริงๆ
พระราชดำริให้สร้างพระนครขึ้นในฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยาโดยเลือกชัยภูมิบริเวณที่เป็นพระบรมมหาราชวังในปัจจุบัน ซึ่งเดิมเป็นที่อยู่ของชาวจีนจำนวนมากโดยให้ย้ายถิ่นพำนักของชาวจีนไปอยู่ระหว่างพระวัดสามปลื้มกับคลองวัดสำเพ็ง(วัดปทุมคงคา) และเป็นจุดเริ่มต้นของการตั้งถิ่นฐานย่านเยาวราชเกิดขึ้นในยุคต่อมา
แล้วให้ปรับปรุงลดขนาดพระราชวังกรุงธนบุรี ให้เหลือเฉพาะพื้นที่กำแพงชั้นใน คือที่บริเวณที่เป็นพระราชวังเดิมปัจจุบันแล้วให้รื้อกำแพงกรุงธนบุรีฝั่งตะวันออกแถวป้อมวิไชยเยนทร์หรือที่ปัจจุบันเป็นโรงเรียนราชินีปากคลองตลาด ให้นำอิฐส่วนนั้นรวมกับที่รื้อจากพระนครศรีอยุธยาลงมาทำเป็นกำแพงพระนครในยุคแรกกำแพงพระบรมมหาราชวังเป็นไม้ต่อมาจึงได้ปรับปรุงใหม่เป็นอิฐอย่างเช่นในปัจจุบัน
นอกจากการสร้างพระบรมมหาราชวังแล้ว ยังมีการขุดคลอง หลอด จากคลองคูเมืองเดิมสองคลองออกไปบรรจบกับคลองขุดใหม่นอกเมือง คือ คลองหลอดข้างวัดบูรณศิริ และคลองหลอดข้างวัดราชบพิธ ที่เรียกว่าคลองหลอด มาจากลักษณะคลองที่ตรงเหมือนหลอด
งานสร้างพระนครนั้นได้ดำเนินการต่อมาเรื่อยๆ โดยนำขนบและรูปแบบของ กรุงศรีอยุธยา มาเป็นแบบอย่างของเมืองกรุงเทพมหานคร ที่เราเห็นกันในวันนี้
ข้อมูลเรื่องจาก:เล่าเรืองบางกอก โดย ส.พลายน้อย