จากเหตุการณ์ที่อังกฤษประกาศเตือนภัยคลื่นความร้อนระดับสีแดงในพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศ อาจมีอุณหภูมิพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ถึง 41 องศาเซลเซียสนั้น วันนี้เราขอพาทุกท่านไปทำความรู้จักกับ ปรากฏการณ์ “คลื่นความร้อน” (Heat Wave) ภาวะที่อากาศร้อนมากกว่าปกติอย่างรวดเร็ว อันตรายถึงชีวิต!
“คลื่นความร้อน” (Heat Wave) เป็นปรากฏการณ์ตามธรรมชาติ ที่อากาศมีปริมาณความร้อนมากกว่าปกติอย่างรวดเร็วในระยะเวลาหนึ่ง อาจเกิดยาวนานเป็นเวลาไม่กี่วันหรือนานหลายสัปดาห์
องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (World Meteorological Organization: WMO) ได้กำหนดนิยามของคลื่นความร้อน ว่าเป็น “ภาวะที่อุณหภูมิสูงสุดประจำวันเกินค่าอุณหภูมิสูงสุดโดยเฉลี่ยประมาณ 5 องศาเชลเซียส ติดต่อกันเป็นเวลาอย่างน้อย 5 วัน”
คลื่นความร้อนสามารถเกิดได้ 2 รูปแบบ คือ
1. การเกิดคลื่นความร้อนแบบสะสมความร้อน
เกิดในพื้นที่ที่ได้สะสมความร้อนเป็นเวลานาน มีความแห้งแล้ง ไม่มีเมฆและลมสงบนิ่งหลายวัน ทำให้มวลอากาศร้อนไม่เคลื่อนที่ อุณหภูมิอากาศของพื้นที่นั้นจึงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมวลอากาศร้อนจะมีสะสมจนกลายเป็นคลื่นความร้อน
มักเกิดในแอฟริกา ออสเตรเลีย อเมริกาเหนือ อินเดีย และปากีสถาน
2. การเกิดคลื่นความร้อนแบบพัดพาความร้อน
เกิดจากลมแรงหอบมวลความร้อนจากทะเลทรายหรือเส้นศูนย์สูตร เข้ามาในพื้นที่ที่มีอากาศเย็นกว่าหรือเขตหนาว ทำให้อุณหภูมิในพื้นที่นั้นเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และจะสูงจนกระทั่งลมร้อนนั้นพัดผ่านไปหรือสลายตัวไปเอง
มักพบในพื้นที่เขตหนาว เช่น แถบยุโรป
“คลื่นความร้อน” ส่งผลถึงชีวิตอันตรายกว่าที่คิด เนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนและมีความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศสูงทําให้เหงื่อไม่สามารถระเหย และพาความร้อนออกจากร่างกายได้ ทําให้รู้สึกร้อนอบอ้าวส่งผลให้ระบบเมตาบอลิซึมในร่างกายล้มเหลวถึงเสียชีวิต!