การ์ทเนอร์ อิงค์ คาดการณ์ภายในปี พ.ศ. 2569 ผู้คนราว 25% ทั่วโลกจะใช้เวลาอย่างน้อยวันละ 1 ชั่วโมงไปกับการทำงานช้อปปิ้ง เรียนรู้ เข้าสังคมและ/หรือความบันเทิงรูปแบบต่าง ๆ ในโลก Metaverse
Metaverse จะเป็นพื้นที่เสมือนจริงที่เปิดโอกาสให้กลุ่มคนที่มีความสนใจในเรื่องเดียวกันมาแบ่งปันใช้ร่วมกัน โดยสร้างขึ้นจากการผสมผสานความเป็นจริงทางกายภาพและดิจิทัลเข้าไว้ด้วยกันเพื่อมอบประสบการณ์ที่สมจริงยิ่งขึ้น ตลอดจนสามารถเข้าถึงผ่านอุปกรณ์ชิ้นเดียวหรืออุปกรณ์ชนิดอื่น ๆ ตั้งแต่แท็บเล็ตจนถึงจอแสดงผลแบบสวมศีรษะ
เนื่องจากไม่มีผู้ให้บริการใดที่เป็นเจ้าของ Metaverse แต่เพียงผู้เดียว การ์ทเนอร์คาดว่าจะมีรูปแบบเศรษฐกิจเสมือนจริงเกิดขึ้นและขับเคลื่อนโดยสกุลเงินดิจิทัลรวมถึงสินทรัพย์ดิจิทัล (NFTs) และ Metaverse ยังส่งผลกระทบไปถึงทุกธุรกิจที่โต้ตอบสื่อสารกับผู้บริโภคทุกวัน
นอกจากนี้ Metaverse ยังส่งผลกระทบต่อวิธีการทำงาน องค์กรต่าง ๆ จะมุ่งนำเสนอการมีส่วนร่วม ความร่วมมือกันและการเชื่อมต่อที่ดียิ่งขึ้นให้แก่พนักงานผ่านพื้นที่ทำงานเสมือนจริงแบบเวอร์ชวลออฟฟิศ โดยไม่จำเป็นต้องสร้างโครงสร้างพื้นฐานของตนเอง เพราะว่า Metaverse ได้ช่วยจัดการวางระบบให้เรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้การจัดกิจกรรมเสมือนจริงที่ได้รับความนิยมในช่วง 18 เดือนที่ผ่านมา จะมอบโอกาสในการสร้างเครือข่ายและทำกิจกรรมต่าง ๆ ร่วมกันที่ให้ทุกคนมีส่วนร่วมและมีความสมจริงยิ่งขึ้น
“ องค์กรธุรกิจจะมีความสามารถในการขยายและพัฒนาธุรกิจในแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน โดยย้ายจากธุรกิจดิจิทัลไปเป็นธุรกิจใน Metaverse ซึ่ง 30% ขององค์กรทั่วโลก จะมีผลิตภัณฑ์และบริการพร้อมสำหรับดำเนินธุรกิจใน Metaverse ภายในปีพ.ศ. 2569 ”
การนำเทคโนโลยีต่าง ๆ ของ Metaverse มาใช้นั้นยังถือเป็นเรื่องใหม่และกระจัด กระจายอยู่มาก และการ์ทเนอร์ยังเตือนองค์กรที่มีการลงทุนสูง ๆ โดยเฉพาะการลงทุนในตลาด Metaverse ว่า “มันยังเร็วเกินไปที่จะทราบว่าควรลงทุนแบบใดเพื่อสร้างความสำเร็จในระยะยาว แต่อย่างไรก็ตามผู้จัดการผลิตภัณฑ์ควรใช้เวลาเรียนรู้ สำรวจและเตรียมพร้อมรับมือกับโลก Metaverse เพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน