X
ครูกายแก้ว ความเชื่อ ศรัทธา หรือ งมงาย

ครูกายแก้ว ความเชื่อ ศรัทธา หรือ งมงาย

16 ส.ค. 2566
1680 views
ขนาดตัวอักษร

16 ..66 - หลากความเห็น “ครูกายแก้ว” ความเชื่อ ความศรัทธา หรือ ความงมงาย


โด่งดัง และรู้จักกันช่วงข้ามคืน สำหรับ ครูกายแก้ว รูปปั้นรูปลักษณ์แปลกไม่คุ้นตา ที่ติดอยู่บนถนนรัชดาฯ ก่อนจะเคลื่อนมาตั้งไว้  โรงแรมแห่งหนึ่งบนถนนรัชดาฯ นั่นเอง จนเหล่าสายมูฯ ออกมาเฉลยว่ารูปปั้นนี้คือ “ครูกายแก้ว” บรมครูผู้เรืองเวทย์ ที่เชื่อกันว่าสามารถประทานพรให้สมใจปรารถนา ทั้งการงาน โชคลาภ จนได้รับสมญานามจากผู้ศรัทธาว่า เทพเจ้าแห่งโชคลาภ

โดยส่วนหนึ่งของรายการโหนกระแส ที่ออกอากาศวันที่ 10 .. 66 ได้เชิญสัมภาษณ์ .ต้น ผู้ที่ทำรูปปั้นครูกายแก้วคุณบอย ลูกศิษย์อ.สุชาติ ต้นตำรับครูกายแก้ว , โทน บางแค เซียนพระชื่อดัง และ อ้วน พระราม 5 มาร่วมไขความกระจ่างของ “ครูกายแก้ว” ด้วยโดยสรุปที่มาของความเชื่อ “ครูกายแก้ว” ว่า ตามประวัติที่ทราบกันมานั่น “ครูกายแก้ว” เป็นบรมครูผู้เรืองเวทย์ ที่เชื่อกันว่าสามารถประทานพรให้สมใจปรารถนาได้ ทั้งเรื่องงาน โชคลาภ ค้าขาย 

โดยเล่ากันว่ามีพระธุดงค์รูปหนึ่งเดินทางไปทำสมาธิที่ปราสาทนครวัด นครธม ประเทศกัมพูชา ระหว่างที่เดินทางกลับผ่าน .ลำปาง ได้พบกับ “อาจารย์ถวิล มิลินทจินดา” นักร้องนักดนตรีเพลงไทยเดิมของกองดุริยางค์ทหาร จึงมอบองค์ครูกายแก้ว” ขนาดประมาณ 2 นิ้วไว้ให้ อาจารย์ถวิล จึงได้นำองค์ครูกายแก้วมาบูชา ต่อมาจึงได้มอบองค์ครูกายแก้ว ให้กับ “อาจารย์สุชาติ รัตนสุข” จนมีครั้งหนึ่ง อาจารย์ สุชาติ ฝันเห็นร่างหนึ่งเดินออกมาจากประตู บอกว่าเป็นครูกายแก้ว จึงเอาภาพที่เห็นนั้นมาให้ช่างมาวาดแล้วจึงหล่อขึ้นรูปองค์ใหญ่ เพื่อบูชาครูเป็นองค์กายแก้วที่รู้จักกันดังที่เห็นนี้

สำหรับรูปลักษณ์ “ครูกายแก้ว” คล้ายกับผู้บำเพ็ญตนนั่งขัดสมาธิ หน้าตาน่าเกรงขาม ด้านหลังมีปีก ตามีสีแดง เล็บยาวงุ้ม ส่วนบริเวณใบหน้ามีเขี้ยวคล้ายนกการเวก จึงเชื่อกันว่าครูกายแก้วเป็นครึ่งมนุษย์ครึ่งนก ซึ่ง โทนบางแค” เซียนพระเครื่องชื่อดัง ได้นิยามไว้ในรายการโหนกระแสว่า ครูกายแก้ว ไม่ใช่เทวดา เทพ ต้องแยกไป เราจะไม่รวมในหิ้งพระ ไม่รวมในหมวดเทวดา เราเรียกว่า “อสูรเทพ”

เทพเทวดารูปกายสวยงาม ทำบุญด้วยจิตที่เป็นบุญ แต่อสูรเทพทำบุญด้วยโมหะ เช่นเดียวกับท้าวเวสสุวรรณ ก็จัดอยู่ในอสูรเทพ ที่ทำบุญด้วยโมหะ เป็นเทพเหมือนกันแต่เป็นเทพที่หน้าเป็นอสูร เป็นอสูรเทพ

จริงๆ ไม่ใช่ศาสตร์ใหม่ เป็นศาสตร์เก่าโบราณ ไม่มีใครรู้จัก ไม่มีใครเผยแพร่ เหมือนพระพิฆเนศนี่แหละแต่ไม่มีใครหยิบขึ้นมา เทพในความเชื่อของทุกศาสนามีอีกเยอะเลย ถ้าไปทางพราหมณ์ อย่างพระอินทร์ เป็นเทพที่ศาสนาพุทธยกย่องท่าน ก็ไม่มีใครยกขึ้นมา มีไม่กี่คน เทพที่คนรู้จัก ก็ต้องมีประสบการณ์ ต้องมีเรื่องราว วันนี้เกิดเรื่องราวแล้วเลยถูกยกขึ้นมา

ส่วนหากเชื่อแล้ว จะบูชาอย่างไร “ครูกายแก้ว

👉 ใช้วิธีขอพร ขอให้ประสบความสำเร็จในสิ่งที่หวัง โดยไม่ใช่การบนบาน

👉 ห้ามบูชาด้วยของคาว ไม่มีการถวายพวกเนื้อสัตว์ 

👉 นิยมถวายขนมกุ้ยช่าย น้ำผึ้ง ผลไม้เป็นพวง เช่น องุ่นดำ

👉ดอกไม้บูชาด้วยกุหลาบแดง


ด้าน หมอบีทูตสื่อวิญญาณ ได้แสดงความคิดเห็นขณะไลฟ์สดในเพจเฟซบุ๊ก “งมงาย สไตล์หมอบี” วันที่ 14 สิงหาคมที่ผ่านมา ระบุว่า ใครจะเชื่อแล้วแต่ไม่ขัดความเชื่อใคร แต่อยากให้ศึกษาให้ถ่องแท้ดี  การที่จะไหว้ใครสักคนเหมือนเป็นการน้อมตัวลงไป เพื่อบอกว่าสิ่งเหล่านี้อยู่สูงกว่าเรา และต้องรู้สึกไม่ตะขิดตะขวงใจที่จะไหว้ 

สำหรับคนที่บอกว่าครูกายแก้ว เป็นอาจารย์ของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 “ไม่ใช่ ไม่มี” ไปเอามาจากไหน หากคนเถียงว่ามีให้เอาหลักฐานมา ถ้าบอกว่าตนด้อยข้อมูลก็แล้วแต่ แต่มันไม่ใช่ ลองไปสืบค้นว่าพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 นับถืออะไรก่อนหรือย้อนกลับไปที่พระเจ้าชัยวรมันที่ 5 สมัยนั้น ยังเป็นการนับถือพระพุทธศาสนาอยู่เลย


ซึ่งหลักฐานที่ยังคงอยู่คือ พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 นับถือ 2 เรื่อง คือ ปรัชญาปารมิตา เป็นสูตรมหายาน และสองคือ พระไภษัชยคุรุ เป็นพระพุทธเจ้าที่ท่านนับถือมาก  แล้วในสมัยนั้นก็สืบพบว่า มีครูบาอาจารย์ที่มีหลักฐานจริงๆ ว่ามีคนนับถือมาก เป็นนักปราชญ์ชาวพุทธอินเดีย ที่มีอิทธิพลตั้งแต่สมัย พระเจ้าชัยวรมันที่ 5-7 ซึ่งก็เป็นพุทธมหายานทั้งหมด “แต่ไม่มีเรื่องของครูกายแก้ว

หากจะค้นคว้าข้อมูลให้ไปถามอาจารย์แถวศิลปากร นักโบราณคดีและประวัติศาสต์จริงๆ ซึ่งตนไม่ได้ลบหลู่ ใครจะนับถือบูชาก็แล้วแต่ แต่อยากให้ลองคิดว่าเราเกิดเป็นมนุษย์คนหนึ่ง หากอยากให้ชีวิตมันจะดีขึ้นจริง  ก็ควรคิดว่าจะไหว้อะไร ไปไหว้พ่อแม่หรือผู้มีพระคุณดีกว่าไหม หรือไหว้ใครสักคนที่ทำคุณงามความดี ไม่ใช่คนมีฤทธิ์เสกอะไรบางอย่างได้ ให้เอาคุณงามความดีไปพัฒนาฝึกฝน ให้ตนเองเป็นมนุษย์ผู้ประเสริฐ หรือการศึกษาอะไรให้ถูกก่อน เพราะการศึกษาหรือไหว้อะไรควรเป็นสิ่งที่ทำให้ชีวิตมันเจริญ


ขณะที่ ศาสตราจารย์พิเศษ ธงทอง จันทรางศุ อดีตปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์ ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊กส่วนตัว โดยระบุข้อความว่า “ไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ปรากฏข่าวเรื่อง “ครูกายแก้ว” ว่าเป็นรูปเคารพที่ได้รับความนับถือในหมู่คนจำนวนหนึ่ง นัยว่าครูกายแก้วนี้เป็นครูบาอาจารย์ของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ซึ่งข้อมูลส่วนนี้ผมยังไม่เคยเห็นหลักฐานยืนยันได้แน่นอนว่าเล่าลือกันมาจากที่ไหน 


ความเลื่อมใสในเรื่องอย่างนี้แม้ไม่ผิดกฎหมาย แต่สามารถบ่งบอกถึงความไม่มั่นคงทางจิตใจของสมาชิกในสังคมได้ในระดับหนึ่ง และถ้าไม่เกรงใจกันแล้วก็ต้องบอกว่าเป็นระดับที่สูงมากเสียด้วย รูปอะไรก็ไม่รู้ที่กราบไหว้กันอยู่นี้ มองในทางศิลปะก็สอบไม่ผ่านแน่ จะว่าเป็นมนุษย์ก็เห็นจะไม่ใช่ จะเป็นสัตว์ก็ไม่เชิง ผมยังนึกไม่ออกว่าการไปบูชารูปปั้นอย่างนี้จะเป็นสวัสดิมงคลได้อย่างไร แถมเกรงว่าจะเกิดผลตรงกันข้ามเสียด้วยซ้ำ


พระพยอม เจ้าอาวาสวัสสวนแก้ว กล่าวว่า ยอมรับว่าประเทศไทยความมั่นคง ความแน่วแน่ในพระรัตนตรัยเริ่มแกว่งเห็นอะไรก็จะกราบไหว้ ตั้งแต่ “จตุคามรามเทพ ไอ้ไข่ ส้มฉุน” ฯลฯ มีการปั้นอวัยวะเพศตายาย ยังมากราบไหว้ 

อยากฝากให้คนไทยมาดูที่วัดสวนแก้ว สมัยพระพุทธเจ้าดับขันธ์ใหม่  ยังไม่ได้ทำรูปปั้น พระพุทธเจ้าเรียนจนตรัสรู้เรียน 18 ศาสตร์ เรียนในป่าอีก 6 ปี เขาเลยทำรูปเสมาเพื่อกราบไหว้ กระทรวงศึกษาธิการจึงนำรูปเสมามาเป็นโลโก้เพื่อให้กราบไหว้ความใฝ่รู้ ไม่ใช่กราบรูปผี รูปคน รูปยักษ์ รูปมาร ทำรูปปั้นตรีรัตนเพื่อให้รู้ว่าคำสอนของพระองค์เหมือนศาสตรา 3 อัน ไว้ฟาดฟันกับโจรฉกรรจ์ 3 ก๊ก (โลภ โกรธ หลง

ต่อมาทำรูปธรรมจักร เพื่อบทขยี้ทุกข์ให้เหล่ามนุษย์ สุดท้ายกราบไหว้พระพุทธองค์ในฐานะที่ไม่ยึดมั่นถือมั่นแม้เป็นลูกกษัตริย์ ส่วนรูปที่เขาปั้นความหมายลึกซึ้ง สวยงาม ดูแล้วสบายตาสบายใจ ยุคสมัยนี้คนไทยเป็นแบบนี้อยากให้อาจารย์ที่เชี่ยวชาญทางประวัติศาสตร์ และหนักแน่นในพุทธศาสตร์ ช่วยมาให้สติคนไทย 

อีกไม่นานจะได้เงินเป็นพันล้าน หมื่นล้านจากครูกายแก้ว เห็นมีการถ่ายทำรูปภาพครูกายแก้วเล็ก  ใหญ่  เตรียมจำหน่ายกันแล้ว ใครไม่อยากเป็นเหยื่อ “ความเชื่อนี้ไม่เกิน 6 เดือน ถึง 1 ปี” เดี๋ยวก็จะหายไปเหมือนจตุคามรามเทพไอ้ไข่ ส้มฉุน 


ทั้งนี้เป็นเรื่องของความเชื่อ ตนไม่อยากไปทะเลาะกับคนที่มีความเชื่อ อยากให้ศึกษากันไม่เชื่ออย่าลบหลู่ แต่ถึงเชื่อก็ต้องเรียนรู้ให้ชัดเจนว่าจะเชื่อผิดหรือถูก ได้ผลหรือไม่มีผลตอบแทน เชื่อแล้วทุกข์ไม่เกิด อย่าไปหลงคำว่าไม่เชื่ออย่าลบหลู่ เชื่อแล้วต้องมีเหตุผล ศึกษาข้อมูล นิสัยคนไทยเห็นอะไรก็ตีเป็นเลขเป็นหวย ขอฝากสั้น  ไม่ว่าจะชื่ออะไรก็ตามอย่าเชื่อแบบหัวปักหัวปำ เชื่อไปศึกษาไป จนเกิดสติปัญญา

อ่านความคิดเห็นของเพื่อนๆ ..คิดอย่างไรกับเรื่องนี้ เขียนเลย
Terms of Service © 2025 MCOT.net All rights reserved นโยบายข้อมูลส่วนบุคคล นโยบายการรักษาความมั่นคงปลอดภัยเว็บไซต์ นโยบายเว็บไซต์ของ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน)