X
โปรอินไซด์ เตรียม IPO ในตลาดหลักทรัพย์

โปรอินไซด์ เตรียม IPO ในตลาดหลักทรัพย์

1 พ.ค. 2567
11520 views
ขนาดตัวอักษร

เบญญาภา เฉลิมวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บริษัท โปรอินไซด์ จำกัด กล่าวว่า โปรอินไซด์ กำลังดำเนินการเพื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) จากศักยภาพที่เป็นผู้ให้บริการระบบไอทีแทนสกาย ไอที ทั้งหมด โปาอินไซด์แยกตัวเองชัดเจน 


“เราวางแผนนานแล้วโดยใช้งบไตรมาสสาม จุดเริ่มต้นมาจาก ทีเคซีทำดีลกับ เอไอที ทำให้เราต้องมีความชัดเจนในเนื้องาน ในกลุ่มของเราทำธุรกิจให้บริการระบบไอทีเหมือนกัน ต่างกันที่โปรอินไซด์ ทำไอทีบนแพลตฟอร์ม มากที่สุด ทีเคซี ทำไอทีให้โทรคมนาคม  เอไอที ทำระบบทางด้าน Backbone สิ่งที่เราจะทำเพื่อสร้างความแตกต่างคือ ทำระบบที่ยกระดับประเทศไทยให้มีบริการไอทีที่ดีขึ้นเป็นประโยชน์กับการรองรับภารกิจหน่วยงาน  


การระดมทุนผ่านการเสนอขายหุ้นแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) และการกลายเป็นบริษัทจดทะเบียนจะเป็นประโยชน์โดยตรงต่อการดำเนินงานโดยรวม เนื่องจากบริษัทจะประมูลโครงการขนาดใหญ่ของรัฐได้ง่ายกว่าในปัจจุบัน เนื่องจากบริษัทมีมูลค่าตลาดที่ใหญ่กว่าและความน่าเชื่อถือที่ดีขึ้น โดยก่อนหน้านี้ Pro Inside มีรายได้รวม 674 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 87 ล้านบาทในปี 2564 และ 642 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 18 ล้านบาทในปี 2565 กำไรที่ลดลงในปี 2565 สาเหตุหลักมาจากการปรับโครงสร้างองค์กรของบริษัท หลังจากแยกตัวจากบริษัทแม่ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ Sky ICT ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีการบิน ปัจจุบัน โปรอินไซด์  ถือครอง Project Backlog มูลค่ารวม 2 พันล้านบาท


โปรอินไซด์  ถูกแยกออกจาก Sky ICT ในปี 2022 เพื่อจัดการกับการเสนอราคาโครงการของรัฐทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับบริการ SI และกลายเป็นผู้มีส่วนสำคัญในแหล่งรายได้ของกลุ่มในอนาคต ขณะนี้ Sky ICT ถือหุ้นประมาณ 91% ใน โปรอินไซด์ ส่วนสัดส่วนการถือหุ้นของ Pro Inside โดย Sky ICT จะน้อยกว่า 60% หลังจากการเสนอขายหุ้น IPO


ส่วนโปรเจคไฮไลท์ ของโปร อินไซด์ในปีนี้คือ การทำระบบของกระทรวงสาธารณสุขต่อจากการทำระบบให้โรงพยาบาลหลัก โดยจะไปทำต่อในรพสต. ที่ไม่มีระบบที่บูรณาการข้อมูล


” ระบบที่เราพัฒนาคือการทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูลข้าม 13 เขตสุขภาพได้ คือ ข้อมูลยังอยู่กับโรงพยาบาล แต่จะกำหนดมาตรฐานให้สามารถแลกเปลี่ยนกัน โดยเอาข้อมูลขึ้นระบบคลาวด์กลางภาครัฐ GBCC ( Government Data Center and Cloud Service ) โดยโครงการกำลังดำเนินการติดตั้ง นอกจากทำให้มีการ แลกเปลี่ยนข้อมูลข้ามเขต แล้วยังได้พัฒนาระบบสารสนเทศโรงพยาบาล HIS (Hospital Information Systems) ให้กับ โรงพยาบาลรพสต.  4,500 ศูนย์ “


ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นราชการทั้งหมด โดยหลักเป็นการ 

การนำ AI เข้ามาเสริมเนื้องานของกระทรวง เช่น กระทรวงดีอีเอส กระทรวงศึกษาธิกาา กระทรวงแรงงาน กระทรวงสาธารณสุข กทม กระทรวงคมนาคม กรมศุลกากร ฯลฯ โดยเป็นโครงการ IT AIและ  Bigdata หลักๆ เป็น ไอที 100 %  ส่วน AI ขึ้นอยู่กับ ลูกค้า ในปีนี้ เราจะได้เห็นคอลเซ็นเตอร์ที่เป็น AI มากขึ้น เช่น ระบบคอลเซ็นเตอร์ที่ใช้ AI มีภาษาต่างประเทศมากขึ้น โดยมูลค่าตลาด คอลเซ็นเตอร์ของภาค รัฐและเอกชน มีอยู่ประมาณ 4,000 ล้านบาท  และทำระบบให้บช.ปส. วิเคราะห์พฤติกรรมการขับขี่ของ จากการใช้ AI วิเคราะห์ข้อมูลที่ได้จากป้ายทะเบียนของรถต้องสงสัยพฤติกรรมที่จะประกอบอาชญากรรม 


“ สำหรับซุปเปอร์แอพเป็นเทรนด์ ต้องมองกระทรวงใหญ่ที่มีการรับชำระเงินในบริการเยอะๆ เช่น กระทรวงการคลัง กระทรวงคมนามคม กระทรวงมหาดไทย ซุปเปอร์แอพของแต่ละกระทรวงไม่เหมือนกัน บางกระทรวงสามารถมีซุปเปอร์แอพของหลายหน่วยงาน โดยสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญมากที่สุดคือความปลอดภัยไซเบอร์ ซุปเปอร์แอพที่สำคัญจึงไม่จะเป็นต้องมีแอพเดียว  แต่ต้องออกแบบให้ปลอดภัยสูง โปรอินไซด์มีพันธมิตรเป็ผู้ให้บริการระบบการชำระเงินต่างประเทศเพื่อศึกษาแลกเปลี่ยนนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ในการออกแบบแพลตฟอร์มของเรา”

Terms of Service © 2018 MCOT.net All rights reserved นโยบายข้อมูลส่วนบุคคล