นิตยสาร TIME ได้เผยแพร่นิตยสารฉบับ มีนาคม 2567 ซึ่งมี “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรีไทยขึ้นปก และพาดหัวนิตยสารได้ระบุข้อความไว้ว่า “The Salesman - Thai Prime Minister Srettha Thavisin is open for business in a country that feels shortchanged by his election” ที่แปลว่า “เดอะ เซลล์แมน - เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีไทย พร้อมเปิดรับธุรกิจในประเทศที่ประชาชนรู้สึกว่าการเลือกตั้งนี้ไม่เป็นธรรม”
บทสัมภาษณ์โดย ผู้สื่อข่าว TIME ชาร์ลี แคมป์เบล (Charlie Campbell) ที่ได้เข้าสัมภาษณ์นายกรัฐมนตรีไทยที่ทำเนียบรัฐบาล กรุงเทพฯ หลังจากที่ เศรษฐา เข้ารับตำแหน่งในเดือนกันยายน ก็ได้เดินทางไปทั่วโลกแล้วกว่า 10 ครั้ง ไม่ว่าจะเป็น ญี่ปุ่น, จีน, สหรัฐฯ และในการประชุมเศรษฐกิจโลกที่เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เพื่อที่จะตามหาเหล่านักลงทุน
“ผมอยากจะบอกให้ทั้งโลกรู้ว่า ประเทศไทยพร้อมที่จะเปิดธุรกิจอีกครั้ง”
ในด้านของการท่องเที่ยว มีการยกเว้นวีซ่าให้แก่นักท่องเที่ยวจีนและอินเดีย อีกทั้งยังมีแผนที่จะขยายไปอีกในหลายๆประเทศ นอกจากในด้านการท่องเที่ยว เขายังต้องการที่จะพัฒนาศูนย์กลางทางด้านโลจิสติกส์, การสาธารณสุข และการเงิน เพื่อยกระดับบทบาทของประเทศไทยให้เข้าสู่เวทีระดับโลก
นายกรัฐมนตรีของไทย ยังได้กล่าวถึงการที่พรรคเพื่อไทยไม่ได้ชนะการเลือกตั้งเมื่อปีที่แล้วและได้คะแนนเป็นอันดับ 2 ไว้ว่า “ความกดดันของผมไม่ได้มาจากการเป็นรอง แต่มาจากการความจำเป็นที่จะต้องแก้ไขปัญหาความยากจน เพื่อพัฒนาความเป็นอยู่ที่ดีของคนไทยทุกคน ซึ่งนั่นคือความกดดันที่ผมพบเจออยู่ทุกวัน”
ในฐานะของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เขาได้กล่าวโครงการดิจิทัลวอลเลตที่ทางธนาคารแห่งประเทศไทยนั้นไม่เห็นด้วย เพราะเกรงว่าการแจกเงินจำนวนกว่า 15 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 5 แสนล้านบาทนั้น อาจจะทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อได้
“การเป็นซีอีโอของบริษัท คุณจะรู้ว่าคุณมีอำนาจจำกัด แต่สิ่งที่ผมประหลาดใจมากที่สุดคือ การที่ไม่มีอำนาจอย่างที่นายกรัฐมนตรีมี”
ซึ่งการปฏิรูปอย่างกล้าหาญนั้นถือเป็นสิ่งที่เศรษฐกิจไทยต้องการเป็นอย่างยิ่ง เศรษฐา กล่าว
“จากซีอีโอของบริษัทสู่ซีอีโอของประเทศ นั้นก็เหมือนมีผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้นมากมาย เหมือนกับการนั่งในห้องประชุม ที่อำนาจนั้นไม่เคยแบ่งให้เท่ากันได้”
อ่านฉบับเต็มได้ที่ Thailand’s New Prime Minister Is Getting Down to Business. But Can He Heal His Nation?
ผลงานแปลและเรียบเรียงจากนักศึกษาฝึกงาน นางสาวกันต์กมล แซ่จั่ง และ นางสาวทิพยรัตน์ จันทร์ไพร