พันเอกสรรพชัย หุวะนันทน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ธุรกิจดิจิทับจะเป็นธุรกิจหลักของ NT ในอนาคต ด้วยจึดแข๋งในการเป็นผู้ให้บริการองค์กรภาครัฐที่มีโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งและพันธมิตาที่เข้มแข็ง จะช่วยให้ NT เติบโตในธุรกิจดิจิทัลได้
“หลักการของเราคือการใช้ทรัพยากรและโครงสร้างพื้นฐานที่เรามี ช่วยให้หน่วยงานรัฐใช้ AI ประมวลผลเพื่อช่วยวิเคราะห์และวางแผนให้องค์กรรัฐมีระบบวิเคราะห์และประมวลผลที่มีประสิทธิภาพ โดย เราจะทำเองส่วนหนึ่งและไปร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐอีกส่วนหนึ่งจะเห็นว่าถ้ามีองค์กรภาครัฐต้องการได้ระบบวิเคราะห์ข้อมูลหรือบิ๊กดาต้าที่ใช้AI ในการวิเคราะห์ องค์กรไม่ต้องลงทุนเองแต่มอบความไว้วางใจให้ NT เข้ามาช่วย Operations ”
กรรมการผู้จัดการใหญ่ NT กล่าวอีกว่า ปัจจุบัน NT ให้บริการระบบคลาวด์ หน่วยงานภาครัฐอยู่ที่ 36,000 virtual machine ขณะที่การประมาณการณ์สภาพัฒน์( สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ) คาดว่าภายในปี 2570 ความต้องการใช้งาน virtual machine จะขึ้นไปถึง 5 แสน virtual machine เฉพาะภาครัฐ
ปัจจุบันค่าใช้จ่ายในการดูแล virtual machine ละ 7 พันยาท ถ้าNT ดูแลให้หมด หรืออย่างน้อย 3-4 หมื่น virtual machine รายได้จะเท่าไร ปกติเราได้งบประมาณมาณ 20,000 virtual machine ใช้จริง 36,000 เราสามารถดูแลได้ด้วยการบริหารจัดการ เท่สกับเราช่วยลดค่าใช้จ่ายให้ภาครัฐประมาณ 50% ต่อปี นี่คือจุดแข็งของเรา NT เป็นผู้ให้บริการคลาวด์รายเดียวที่ บริหาร Data center กับ Cloud Service เอง ผู้ให้บริการรายอื่นต้องจ้างบริหารทั้งหมด NT จึงมีความพร้อม
ภายในสองเดือนจะมีโครงการที่ผ่านการวิเคราะห์ความเป็นไปได้ ประมาณ 5 โครงการ เพื่อรองรับการเติบโตในธุรกิจจีนเราจะเพิ่มคุณอีก 200 คนในโครงสร้างใหม่จากปัจจุบันมีพนักงานด้านนี้อยู่ 100 คนจะมี คนที่จะเข้าสู่การเทรนนิ่งและ อยู่ในกลุ่มธุรกิจติตอล 300 คนคนเหล่านี้จะเป็นเป็นกำลังหลักในการขับเคลื่อนธุรกิจดีเท่าให้กับ NT
พันเอกสรรพชัย กล่าวอีกว่านอกจากธุรกิจ ดิจิทัล ในส่วนของการใช้ประโยชน์จากสินทรัพย์อสังหาริมทรัพย์ที่มีอยู่จะนำพื้นที่ชั้น 1 ของ อาคารโทรคมนาคมแห่งชาติ บางรัก มาพัฒนาเป็น Making space คือให้สตาร์ทอัพต่างชาติเข้ามาใช้พื้นที่ทำงานโดยโดย NT จะให้บริการในส่วนของความสะดวกสบายการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตความเร็วสูงอุปกรณ์เครื่องพิมพ์ขนาดใหญ่รองรับการทำงานของ Startup ต่างประเทศที่เป็นพันธมิตรกับเราโดยมีแนวโน้มว่าจะมีพันธมิตรจากประเทศไต้หวันเข้ามาใช้พื้นที่นี้เพื่อออกแบบเซมิคอนด็อกเตอร์พื้นที่ดังกล่าวเราจะออกแบบให้เป็นศูนย์การเรียนรู้ในการบ่มเพาะสามภาพโดยเปิดให้เข้ามาใช้บริการ โดยหากพบว่ามี Startup ใดที่มีความเป็นไปได้ที่จะร่วมมือกันก็จะได้มีความร่วมมือกันในอนาคต