ขออยู่ในชีวิตที่เหลือของเธอได้ไหม? ... มารอดู “ฝนดาวตกโอไรออนิดส์” ร่องรอยของ “ดาวหางฮัลเลย์” กัน เริ่มสังเกตได้ตั้งแต่เวลาประมาณ 22.30 น. ของวันที่ 21 ตุลาคม เป็นต้นไป จนถึงรุ่งเช้าวันที่ 22 ตุลาคม บริเวณกลุ่มดาวนายพราน (Orion) อัตราการตกสูงสุดเฉลี่ยประมาณ 20 ดวง/ชั่วโมง หากฟ้าใสไร้ฝน ลุ้นชมความสวยงามได้ทั่วประเทศ
“ฝนดาวตกโอไรออนิดส์” เกิดจากโลกเคลื่อนที่ตัดผ่านเส้นทางการโคจรของดาวหางฮัลเลย์ (1P/Halley) ที่หลงเหลือเศษฝุ่นและวัตถุขนาดเล็กจำนวนมากทิ้งไว้ในวงโคจร ขณะเคลื่อนที่เข้าใกล้ดวงอาทิตย์
เมื่อปี พ.ศ. 2529 แรงโน้มถ่วงของโลกจึงดึงดูดเศษฝุ่นและวัตถุดังกล่าวเข้ามาเสียดสีกับชั้นบรรยากาศโลก เกิดการลุกไหม้ เห็นเป็นแสงวาบคล้ายลูกไฟพุ่งกระจายตัวออกมาบริเวณกลุ่มดาวนายพราน มีสีเหลืองและเขียว สวยงามพาดผ่านท้องฟ้า
ในปี 2566 นี้ เมื่อดวงจันทร์จะตกลับขอบฟ้าเวลาประมาณ 23.30 น. ของวันที่ 21 ตุลาคม จนถึงรุ่งเช้าวันที่ 22 ตุลาคม เมื่อท้องฟ้าไร้แสงจากดวงจันทร์มารบกวนจนถึงรุ่งเช้าของวันถัดไป เราจะได้พบกับ “ฝนดาวตกโอไรออนิดส์” อีกครั้ง แม้ว่าฝนดาวตกโอไรออนิดส์จะมีอัตราการตกสูงสุดเฉลี่ยเพียงประมาณ 20 ดวง/ชั่วโมง แต่ก็เป็นฝนดาวตกที่อยู่บริเวณกลุ่มดาวนายพราน ซึ่งเป็นกลุ่มดาวที่สังเกตได้ง่าย และมีดาวฤกษ์ที่สว่างเด่นอีกหลายดวง
ฝนดาวตกโอไรออนิดส์ เป็นปรากฏการณ์ที่สังเกตได้ในช่วงวันที่ 2 ตุลาคม - 7 พฤศจิกายน ของทุกปี ทำให้เราสามารถรอชมความสวยงามได้ทุกปี แต่เจ้า “ดาวหางฮัลเลย์” ต้นกำเนิดของฝนดาวตกนี้นั้น จากข้อมูลการศึกษาทั้งหมดตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน นักดาราศาสตร์พบว่า ดาวหางฮัลเลย์มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 11 กิโลเมตร มีคาบการโคจรเฉลี่ย 76 ปี มีวงโคจรรอบดวงอาทิตย์เป็นวงรี ซึ่งแต่ละรอบจะมีคาบการโคจรไม่เท่ากัน ดังนั้น เราจะได้พบกับเจ้าดาวหางฮัลเลย์อีกครั้งในช่วงกลางปี พ.ศ. 2604 หรือจะได้พบกันอีกครั้งในอีก 38 ปีข้างหน้า โดยดาวหางฮัลเลย์โคจรเข้ามาเฉียดดวงอาทิตย์ครั้งล่าสุดเมื่อปีเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2529
เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย “สักวันหนึ่งเราอาจจะไม่ได้เห็นดาวหางฮัลเลย์แสนสวยอีกแล้ว”
ทุก ๆ ครั้งที่ดาวหางฮัลเลย์เคลื่อนที่เข้ามาให้เราได้ยลโฉมความสวยงามในทุก ๆ 76 ปีนั้น รังสีจากดวงอาทิตย์จะทำให้ดาวหางสูญเสียมวลของตัวเองไปเรื่อย ๆ และมีขนาดเล็กลง 1-3 เมตรในแต่ละรอบ จนในที่สุดเมื่อมวลสารส่วนที่เป็นน้ำแข็งสลายตัวจนหมดไป ดาวหางฮัลเลย์ก็จะไม่ได้มีหางที่สวยงามเหมือนที่เราเคยเห็นในอดีต กลายเป็นเพียงก้อนหินมืดดำในอวกาศ หรืออาจแตกสลายกลายเป็นเศษฝุ่นที่ยังคงโคจรอยู่รอบ ๆ ดวงอาทิตย์ต่อไปเพียงเท่านั้น
ขอบคุณข้อมูลจาก : NARIT สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ