นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม(กระทรวงดีอี) เป็นประธานในพิธีมอบรางวัลแก่กลุ่มชุมชนและธุรกิจชุมชนในกิจกรรม Digital AgricultureFinalPitching Day กิจกรรมภายใต้โครงการ1 ตำบล 1 ดิจิทัล (One Tambon One Digital:OTOD#2) โดยมี ผศ.ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า พร้อมด้วย ดร.ปรีสาร รักวาทิน ผู้ช่วยผู้อำนวยการใหญ่ คณะผู้บริหารและผู้แทนจากหน่วยงานต่าง ๆ รวมถึงเกษตรกรและกลุ่มชุมชนที่เข้าร่วมโครงการร่วมในพิธีโดยพร้อมเพรียง
นายประเสริฐ กล่าวว่า ภาคเกษตรกรรมมีความสำคัญและถือเป็นเสาหลักของระบบเศรษฐกิจของประเทศ โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา กระทรวงดีอี มุ่งพัฒนาศักยภาพเกษตรกรโดยการส่งเสริมให้เกิดการปรับเปลี่ยนสู่การสร้างมูลค่าเพิ่มด้วยการขับเคลื่อนให้เกิดการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลด้านการเกษตร (Digital Agriculture) มาประยุกต์ใช้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ลดต้นทุน เพิ่มรายได้ ซึ่งถือเป็นส่วนช่วยในการสร้างข้อได้เปรียบทางการแข่งขันของประเทศและหนึ่งในโครงการสำคัญที่เป็นกลไกขับเคลื่อนแนวทางดังกล่าวคือ โครงการ OneTambonOne Digital: OTOD#2 ที่ดำเนินการโดย ดีป้า
“โครงการ OTOD#2 ส่งเสริมให้เกิดการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลภาคการเกษตรแก่เกษตรกร กลุ่มชุมชน และช่างชุมชนใน 5 ภูมิภาคทั่วไทย โดยมีจำนวนผู้เข้ารับการส่งเสริมแยกตามภูมิภาค ประกอบด้วย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 54.83% ภาคเหนือ 18.88% ภาคกลาง 14.16% ภาคตะวันออก 8.31% และภาคใต้ 3.82% ซึ่งเทคโนโลยีที่ได้รับความสนใจมากที่สุดคือ อินเทอร์เน็ตเพื่อสรรพสิ่ง (IoT) ภาคการเกษตรอัจฉริยะ โดรนเพื่อการเกษตร และแทรกเตอร์การเกษตรอัจฉริยะตามลำดับ ทั้งหมดจะช่วยส่งเสริมให้ชุมชนสามารถสร้างรายได้และก้าวทันความเปลี่ยนแปลงในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล เป็นการสร้างสังคมดิจิทัลบนฐานความรู้อย่างทั่วถึงสนองตอบเป้าหมายสำคัญในการเพิ่มขีดความสามารถด้านดิจิทัล เพื่อสร้างข้อได้เปรียบทางการแข่งขันของประเทศตามแผนการดำเนินงานในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลของประเทศ” รองนายกรัฐมนตรีกล่าว
ด้าน ผศ.ดร.ณัฐพล กล่าวว่า โครงการOTOD#2 มุ่งส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาทักษะดิจิทัลเพื่อการเกษตร เพื่อยกระดับกระบวนการผลิต ตั้งแต่การเพาะปลูก การดูแลรักษา และการจัดการผลผลิต อีกทั้งเตรียมความพร้อมเพื่อก้าวสู่เกษตรอัจฉริยะในอนาคต และยกระดับคุณภาพชีวิตกลุ่มชุมชน เกษตรกร
ช่างชุมชน อีกทั้งปรับปรุงกระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพ ลดต้นทุน เพิ่มรายได้ด้วยการประยุกต์ใช้
3 เทคโนโลยีดิจิทัลที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน dSURE และขึ้นทะเบียนบนบัญชีบริการดิจิทัล ได้แก่ โดรนเพื่อการเกษตร แทรกเตอร์การเกษตรอัจฉริยะ และ IoT ภาคการเกษตรอัจฉริยะ
ผศ.ดร.ณัฐพล กล่าวต่อว่า โครงการOTOD#2 เริ่มต้นตั้งแต่การจัดทำสื่อการเรียนรู้ออนไลน์ใน 3 เทคโนโลยี จากนั้นจะเข้าสู่กระบวนการยกระดับทักษะเข้มข้น (Accelerate) ซึ่ง ดีป้า ได้ลงพื้นที่ 11 จังหวัด และจัดกิจกรรมอบรมข้อมูลเทคโนโลยี จับคู่ธุรกิจ (Business Matching) เขียนข้อเสนอโครงการ และการนำเสนอ (Pitching) ข้อเสนอโครงการที่ผ่านการคัดเลือก (Pre-screen) ต่อคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิใน 5 จังหวัด 5 ภูมิภาค ก่อนเข้าสู่เวทีตัดสินระดับประเทศในวันนี้
“โครงการ OTOD#2 เป็นโครงการที่เราเน้นให้เกษตรกรที่เป็นกลุ่มชุมชน และกลุ่มธุรกิจชุมชน สามารถ ‘คิดเอง ทำเป็น ทำได้’ เริ่มจากการเรียนรู้และการคัดเลือกเทคโนโลยีด้วยตัวเองในทุกขั้นตอน โดยมี ดีป้า เป็นพี่เลี้ยงคอยสนับสนุนเท่าที่จำเป็น เพื่อให้ชุมชนสามารถพึ่งพาตนเองได้ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลที่ได้มาตรฐาน dSURE ซึ่งผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นคือ กลุ่มชุมชนและธุรกิจชุมชนเพิ่มทักษะเรื่องเทคโนโลยี โดยเรียนรู้ผ่านสื่อการเรียนรู้ออนไลน์อย่างต่อเนื่องกว่า 550,000 ราย มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมยกระดับทักษะเข้มข้นกว่า 1,300 รายจากเป้าหมาย 1,000 ราย และมีผู้ผ่านการคัดเลือกเข้าสู่รอบ Final Pitching กว่า 500 ราย ซึ่งคาดว่าจะสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจไม่น้อยกว่า 500 ล้านบาทต่อปี สอดคล้องกับเป้าหมายของโครงการที่มุ่งเน้นให้เกิดการพัฒนาทักษะ Digital Agriculture เพื่อร่วมขับเคลื่อนภาคการเกษตรไทยสู่เกษตรอัจฉริยะ และก้าวทันการเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัล” ผู้อำนวยการใหญ่ ดีป้า กล่าว
สำหรับกิจกรรม Digital Agriculture FinalPitching Day เป็นเวทีตัดสินสุดยอดโครงการยกระดับชุมชนเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงสังคมด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลที่เปิดโอกาสให้กลุ่มชุมชนและธุรกิจชุมชนจาก 5 ภูมิภาคได้โชว์ศักยภาพ แบ่งเป็น 2 ประเภท ประกอบด้วย 1. ประเภทกลุ่มชุมชนประยุกต์ใช้เทคโนโลยี จำนวน 350 ราย รับการส่งเสริมสนับสนุนสูดสุด 150,000 บาทต่อโครงการ และ2. ประเภทพัฒนาธุรกิจชุมชน จำนวน 50 ราย รับการส่งเสริมสนับสนุนสูงสุด 200,000 บาทต่อโครงการ พร้อมกันนี้ยังมีรางวัลดีเด่นสำหรับสุดยอดโครงการของทั้ง 2 ประเภท อีก 3 รางวัล รวมทั้งสิ้น 6 รางวัล โดยทีมชนะเลิศได้รับรางวัลมูลค่า 50,000 บาท รองชนะเลิศอันดับที่ 1 รับรางวัลมูลค่า 30,000 บาท และรองชนะเลิศอันดับที่ 2 รับรางวัลมูลค่า 20,000 บาท ซึ่งทีมที่ได้รับรางวัลดีเด่นประเภทกลุ่มชุมชนประยุกต์ใช้เทคโนโลยีคือ วิสาหกิจชุมชนหอมเชียงม่วนภาคเหนือ และทีมที่ได้รับรางวัลดีเด่นประเภทพัฒนาธุรกิจชุมชนคือ นายอรันดร์ จันโท
ภายในงานตลอดทั้ง 2 วัน (5 – 6 ส.ค.) เปิดพื้นที่จำลอง 3 เทคโนโลยีเพื่อการเกษตรสุดล้ำ ทั้งเทคโนโลยีโดรนเพื่อการเกษตร แทรกเตอร์การเกษตรอัจฉริยะ และ IoT ภาคการเกษตรอัจฉริยะ เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้ให้กลุ่มชุมชน เกษตรกร เข้าใจการยกระดับภาคการเกษตรอัจฉริยะยิ่งขึ้น รวมไปถึงเวทีเสวนาเข้มข้นที่ระดมหัวกะทิจากทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และเกษตรกรที่เป็นผู้รู้ตัวจริงในวงการเกษตรดิจิทัลร่วมมอบไอเดียพลิกชีวิตด้วยเทคโนโลยีเพื่อการเกษตรแบบครบจบในงานเดียว
“กิจกรรม Digital Agriculture FinalPitching Day ในวันนี้ทำให้เห็นว่า เกษตรกรไทยของเราเก่ง มีดี ขอเพียงได้รับการสนับสนุนอย่างถูกวิธี พี่น้องเกษตรกรก็จะเติบโตได้ด้วยตนเองอย่างมั่นคงและยั่งยืน ซึ่งก้าวต่อไป ดีป้าจะขยายการส่งเสริมสนับสนุนต่อเนื่องผ่านโครงการ OTOD ประกอบด้วย OTOD AITransformation ช่วยชาติ ซึ่งเป็นโครงการที่จะเร่งส่งเสริมการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในกลุ่มชุมชน ผู้ประกอบการ เกษตรกร และธุรกิจโรงงานรวม 10,000 ราย เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจตามนโยบายของรัฐบาล และ OTOD ทุเรียนดิจิทัล ส่งเสริมและยกระดับเกษตรกรทุเรียนด้วยแพลตฟอร์มดิจิทัล ซึ่งขณะนี้กำลังดำเนินการอยู่ในเฟสที่ 2 พร้อมกันนี้ ดีป้า ยังได้ร่วมกับ กรมสรรพากร กระทรวงการคลัง ผลักดันมาตรการลดหย่อนภาษี 200% ซึ่ง ดีป้า ต้องการให้คนไทยทุกคนสามารถรู้เข้าใจ และประยุกต์ใช้ดิจิทัลเป็น เพื่อให้เศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศเติบโตอย่างมั่นคง” ผู้อำนวยการใหญ่ดีป้า กล่าวทิ้งท้าย