2 ก.พ. 67 - “ลิซ่า ลลิษา มโนบาล” ศิลปินระดับโลกชาวไทย ร่วมกับแบรนด์เครื่องประดับระดับโลกอย่าง BVLGARI ออกนาฬิกาหรู รุ่นที่ 2 ออกมา หลังจากที่ออกรุ่น Limited Edition รุ่นแรกมาเมื่อปีที่แล้ว
หลังจาก CEO ของ BVLGARI อย่างฌอง บาบิน เผลอทำ (หรือแกล้งทำ) ภาพคอลเลคชันใหม่ของลิซ่าให้เป็นที่ฮือฮาเมื่อหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ตอนนี้นาฬิกาคอลเลคชั่นใหม่ที่ลิซ่าร่วมออกแบบก็ออกมาแล้ว โดยเป็นการร่วมงานกับแบรนด์ดังที่เจ้าตัวขึ้นแท่นเป็น Global Brand Ambassador อย่าง Bvlgari ซึ่งสำหรับเวอร์ชันแรกจนขายดีเป็นเทน้ำเทท่าไปแล้ว
โดยรุ่นที่สองมีชื่อว่า "The BULGARI BULGARI X LISA Limited Edition." ที่ได้ประกาศอย่างเป็นทางการในงาน LVMH Watch Week 2024 ที่จีดขึ้นที่ไมอามี สหรัฐอเมริกา เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
นาฬิกาที่ผลิตจากโลหะผสมกับโรสโกลด์ มาพร้อมขอบหน้าปัดสีโรสโกลด์อันโดดเด่น พร้อมกับหน้าปัดเป็นมุกโมเสก โดยที่ตำแหน่งบอกชั่วโมงเป็นเพชร ทั้ง 12 เม็ดที่ฝังตามบริเวณหน่วยบอกเวลา รวมถึงเม็ดมะยมที่ประดับด้วยรูเบลไลต์ นาฬิกาแต่ละเรือนจึงแสดงถึงความมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งเป็นการผสมผสานกันอย่างลงตัวของงานดีไซน์อันเป็นมรดกของ Bvlgari และความสามารถในการออกแบบของลิซ่า
ผลงานสร้างสรรค์ที่งดงามชวนหลงใหลนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากดอกไม้เอเดลไวท์ ที่อยู่บริเวณรอยสักช่วงเอวของลิซ่า ซึ่งดอกเอเดลไวท์ คือดอกไม้โปรดของลิซ่า โดยเอเดลไวท์มีฉายาว่าราชินีดอกไม้แห่งเทือกเขาแอลป์ โดยความหมายของดอกไม้นี้คือ “รักแท้” เพราะเชื่อกันว่าชายใดหากมอบดอกไม้นี้แก่หญิงสาว นั่นหมายถึง เขามีความมั่นคง มีความพยายาม เนื่องจากดอกไม้นี้จะบานเพียงปีละ 3 ครั้ง อีกทั้งว่ากันว่าหากเด็ดดอกเอเดลไวท์มาแล้วรูปร่างของดอกจะไม่เปลี่ยนแปลง หรือเหี่ยวเฉา โดยเอเดลไวท์มักจะขึ้นตามหน้าผา มีสีขาว มีขนปกคลุมทั้งดอกและใบ เพื่อป้องกันการระเหยน้ำ ซึ่งทำให้อยู่รอดในสภาพภูมิอากาศหนาวเย็นจัดบนภูเขาสูงกว่าระดับน้ำทะเล 1,800-3,000 เมตร นอกจากนี้ยังมีอีกชื่อคือ “ดอกไม้เมฆ” ด้วยมีความงามราวกับฝัน
นาฬิการุ่นนี้จึงเป็นการรวบรวมความงามของลิซ่าที่ส่งไปสู่การออกแบบตามคอนเซ็ปของลิซ่าไปพร้อม ๆ กับความงามในงานฝีมืออันประณีตในการออกแบบและผลิตของแบรนด์ Bvlgari รวมทั้งเพิ่มความหรูด้วยการใช้กระเบื้องมุกที่ตัดด้วยมือจำนวน 400 แผ่นมาตกแต่งหน้าปัดและสร้างลวดลายเรขาคณิต
นาฬิการุ่นนี้เป็น Limited Edition เช่นเดียวกับรุ่นที่แล้ว โดยมีการจำกัดโควตาไว้ที่ 1,100 เรือนสำหรับขนาดหน้าปัด 33 มม. และ 400 เรือน สำหรับหน้าปัดขนาด 23 มม. เครื่องภายในขับเคลื่อนด้วยกลไกควอตซ์ นับได้ว่ามีความพิเศษเฉพาะตัวและน่าสะสมอย่างยิ่ง เพราะมีจำนวนจำกัด สนนราคาอยู่ที่ 7,800 ยูโร หรือประมาณ 3 แสนบาท
สำหรับเหล่าแฟนคลับของลิซ่า โดยเฉพาะ ๆ แฟนคลับของลิซ่าคงต้องขวนขวายมาครอบครองอย่างแน่นอน โดยเฉพาะคอลเลคชันใหม่คราวนี้ เปลี่ยนจากรุ่นที่แล้ว เหมือนดั่งลิซ่าที่โบยบินจากค่ายใหญ่เกาหลี มาสู่โลกกว้างในฐานะศิลปินเดี่ยวเต็มตัว