ดร.ปิยนุช วุฒิสอนผู้อำนวยการสำนักงานสถิติแห่งชาติ เปิดเผยว่าสำนักงานสถิติแห่งชาติได้ดำเนินการสำรวจ
การย้ายถิ่นของประชากรเป็นประจำทุกปี โดยในปี
พ.ศ. 2565 เก็บรวบรวมข้อมูลระหว่างตุลาคมถึง
ธันวาคม เพื่อรวบรวมข้อมูลพื้นฐานด้านประชากรและสังคมของผู้ย้ายถิ่น สำหรับนำไปใช้ในการติดตาม
สถานการณ์การย้ายถิ่นของประชากร ผลการสำรวจที่สำคัญสรุปได้ดังนี้
จำนวนผู้ย้ายถิ่นและอัตราการย้ายถิ่น ผลการสำรวจในปี 2565 พบว่าผู้ย้ายถิ่นมีจำนวน 8.09แสนคน คิดเป็นอัตราการย้ายถิ่น 1.2 ของประชากรทั้งประเทศ ( 69.91 ล้านคน)
ภาคกลางมีจำนวนผู้ย้ายถิ่นมากที่สุด3.45 แสนคน ( คิดเป็น ร้อยละ 42.6 ของจำนวนผู้ย้ายถิ่นทั้งหมด) และ
กรุงเทพมหานครมีจำนวนผู้ย้ายถิ่นน้อยที่สุด 0.55 แสนคน(ร้อยละ 6.8)
การมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน ผู้ย้ายถิ่นร้อยละ 68.4 มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านซึ่งอยู่ที่อื่น(ซึ่งในจำนวนนี้ ร้อยละ41.2 อยู่ในจังหวัดอื่นและร้อยละ 27.2 อยู่ในจังหวัดที่อยู่ปัจจุบัน) ส่วนผู้ที่มีชื่อในทะเบียนบ้านที่อาศัยอยู่ในปัจจุบัน ร้อยละ 22.7นอกนั้นเป็นผู้ที่มีชื่อในทะเบียนบ้านในประเทศอื่น (ร้อยละ 8.8) และผู้ที่ไม่มีชื่อในทะเบียนบ้านทั้งในประเทศไทยและประเทศอื่นๆร้อยละ 0.1
สาเหตุของการย้ายถิ่นพบว่า ผู้ย้ายถิ่นที่ย้ายถิ่นด้วยสาเหตุด้านการงานเช่น หางานทำ หน้าที่การงาน หรือต้องการ
เปลี่ยนงาน มีจำนวนมากที่สุด 2.81 แสนคน(ร้อยละ 34.8) รองลงมาคือ ด้านครอบครัว เช่นติดตามคนในครอบครัว
และทำกิจการครอบครัวจำนวน 1.67 แสนคน(ร้อยละ 20.7) และด้านอื่นๆ เช่น ย้ายที่อยู่อาศัย กลับภูมิลำเนาและศึกษาต่อเป็นต้น จำนวน3.60 แสนคน (ร้อยละ 44.5 ) ตามลำดับ
ประเภทและรูปแบบการย้ายถิ่น สามารถแบ่งเป็น 3ประเภท ผู้ย้ายถิ่นภายในภาคเดียวกัน (จำนวน 5.18 แสนคน)ซึ่งมากกว่าผู้ย้ายถิ่นระหว่างภาค ( จำนวน2.44 แสนคน) และ
ผู้ย้ายถิ่นมาจากต่างประเทศ ( จำนวน0.47 แสนคน)
การย้ายถิ่นสุทธิจากการสำรวจ พบว่าอัตราการย้ายถิ่นสุทธิของภาคเหนือและภาคกลาง มีผลเป็นบวก(0.13 และ 0.06ตามลำดับ) คือ มีผู้ย้ายถิ่นเข้ามากกว่าผู้ย้ายถิ่นออก ส่วนกรุงเทพมหานครภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคใต้ มีทิศทางตรงกันข้าม คือ มีอัตราการย้ายถิ่นสุทธิผลเป็นลบ ( - 0.20 - 0.14 และ0.09 ตามลำดับ) คือมีผู้ย้ายถิ่นเข้าน้อยกว่าผู้ย้ายถิ่นออก