X
ปลัด มท. ร่วมถวายราชสักการะสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช

ปลัด มท. ร่วมถวายราชสักการะสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช

28 ธ.ค. 2566
580 views
ขนาดตัวอักษร

ปลัดกระทรวงมหาดไทย วางพุ่มดอกไม้ถวายราชสักการะพระบรมรูปสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เนื่องในวันสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช พร้อมหนุนเสริมให้ประชาชนได้รับการส่งเสริมองค์ความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ชาติไทย การสร้างจิตสำนึกรักชาติ และความรู้รักสามัคคีของคนในชาติ 


นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ร่วมวางพุ่มดอกไม้ถวายราชสักการะสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เนื่องในวันสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ณ พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช วงเวียนใหญ่ กรุงเทพฯ  โดยมี นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน นายพงศ์รัตน์ ภิรมย์รัตน์ อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ อธิบดีกรมการปกครอง นายขจร ศรีชวโนทัย อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายบุญธรรม หอไพบูลย์สกุล รองอธิบดีกรมที่ดิน พร้อมด้วยผู้บริหารหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ และข้าราชการ สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย ร่วมในพิธี ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ


นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช หรือพระเจ้ากรุงธนบุรี ทรงมีพระนามเดิมว่า สิน ชื่อจีนเรียกว่า เซิ้นเซิ้นชิน เป็นบุตรของขุนพัฒน์ (หยง แซ่แต้) และนางนกเอี้ยง (กรมพระเทพามาตย์) เกิดเมื่อวันอาทิตย์ เดือนมีนาคม พ.ศ. 2277 ในแผ่นดินสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศแห่งกรุงศรีอยุธยา ต่อมาเจ้าพระยาจักรีผู้มีตำแหน่งสมุหนายกเห็นบุคลิกลักษณะ จึงขอไปเลี้ยงไว้เหมือนบุตรบุญธรรมตั้งแต่ครั้งยังเยาว์วัย ได้รับการศึกษาขั้นต้นจากสำนักวัดโกษาวาส (วัดคลัง) และบรรพชาเป็นสามเณร เมื่ออายุ 13 ขวบ ที่วัดสามพิหาร หลังจากสึกออกมาแล้วได้เข้ารับราชการเป็นมหาดเล็ก และอุปสมบทเป็นพระภิกษุเมื่ออายุครบ 21 ปี ตามขนบประเพณีของไทยบวชอยู่ 3 พรรษา ก็ลาสิกขาบทกลับมาเข้ารับราชการตามเดิม และได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นายสินเป็นมหาดเล็กรายงานด้วยราชการทั้งหลายในกรมมหาดไทย และกรมวังศาลหลวง ต่อมาในแผ่นดินพระเจ้าอยู่หัวพระที่นั่งสุริยาศน์อมรินทร์ (พระเจ้าเอกทัศน์) จึงได้รับบรรดาศักดิ์เป็นหลวงยกกระบัตรเมืองตาก ได้ทำความดีความชอบจนได้รับเลื่อนหน้าที่ราชการไปเป็นผู้ปกครอง หัวหน้าฝ่ายเหนือ คือ เมืองตาก และเรียกติดปากมาว่า พระยาตากสิน หลังจากนั้นได้ถูกเรียกตัวเข้ามาในกรุงศรีอยุธยา เพื่อแต่งตั้งไปเป็นพระยาวชิรปราการ เจ้าเมืองกำแพงเพชรแทนเจ้าเมืองคนเก่าที่ถึงแก่อนิจกรรมลงใน พ.ศ. 2310 โดยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชเสด็จสวรรคตเมื่อ พ.ศ. 2325 สิริพระชนมายุได้ 48 พรรษา ทรงครองราชย์เป็นเวลา 15 ปี


"สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ผู้ทรงกอบกู้เอกราช โดยทรงรวบรวมกำลังพล และเสริมสร้างความสามัคคีของคนในชาติ กระทั่งทำให้ชาติของเรามีเอกราชและมีความเป็นปึกแผ่นตราบจนถึงปัจจุบัน นับเป็นคุณูปการอย่างใหญ่หลวงที่พระองค์ท่านผู้ทรงเป็นพระประมุขที่มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งยวดในการสงครามต่อต้านอริราชศัตรู และทรงเป็นแบบอย่างให้กับพวกเราชาวไทยในทุกยุคทุกสมัย ในโอกาสนี้ จึงขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนทุกท่าน ช่วยกันทำความดีเพื่อเป็นปฏิบัติบูชา และเป็นการเสริมสร้างคุณค่าที่สำคัญยิ่งสำหรับชาติไทย คือ การมีน้ำใจเสียสละเพื่อส่วนรวม ซึ่งจะก่อให้เกิดความรัก ความสามัคคีในหมู่คณะ ตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่พระราชทานโครงการจิตอาสา เพื่อให้ประชาชนมีความสมัครสมานสามัคคี มีความสุข และประเทศชาติมีความมั่นคงอย่างยั่งยืน" นายสุทธิพงษ์ฯ กล่าวในช่วงต้น


นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า ด้วยพระมหากรุณาธิคุณที่มีต่อแผ่นดินไทย รัฐบาลจึงได้ประกาศให้วันที่ 28 ธันวาคม ของทุกปี เป็น "วันสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช" และถวายพระราชสมัญญานามว่า "สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช" เพื่อยกย่องพระองค์เป็นวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ กอบกู้เอกราชของชาติไทย และสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบรมรูปทรงเครื่องขัตติยาภรณ์ ประดับเหนืออัศวราชพาหนะ (ม้า) พระหัตถ์ขวาทรงพระแสงดาบ ประดิษฐานบนแท่งคอนกรีตเสริมเหล็ก ณ บริเวณวงเวียนใหญ่ ฝั่งธนบุรี ออกแบบปั้นโดยศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี นอกจากนี้ ในวันนี้ทุกจังหวัดทั่วประเทศจัดพิธีถวายราชสักการะต่อพระบรมราชานุสาวรีย์ หรือพระรูปสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เนื่องในวันคล้ายวันปราบดาภิเษกขึ้นครองราชย์ ณ สถานที่ที่จังหวัดกำหนด และร่วมกันทำกิจกรรมจิตอาสาพัฒนา เนื่องในวันสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช อันเป็นการแสดงออกซึ่งความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ และน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ พระมหากษัตริย์ผู้กอบกู้เอกราชของชาติไทย


"กระทรวงมหาดไทยมีนโยบายในการส่งเสริมการเรียนรู้วิชาประวัติศาสตร์ชาติไทย วิชาศีลธรรม และวิชาหน้าที่พลเมือง เพื่อหนุนเสริมให้ประชาชนได้รับการส่งเสริมองค์ความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ชาติไทยและการสร้างจิตสำนึกรัก หวงแหน มุ่งจงรักภักดี พร้อมธำรงรักษาไว้ซึ่งสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ชาติไทย และตระหนักถึงคุณค่าของมรดกทางวัฒนธรรมที่บรรพบุรุษสร้างสมไว้ อันจะสร้างความภาคภูมิใจและกระตุ้นความรู้สึกให้คนในชาติมีความจงรักภักดีร่วมธำรงรักษาไว้ซึ่งสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ และร่วมกันขยายผลแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันก่อให้เกิดความรักสามัคคีสร้างความปรองดองในสังคม ตลอดจนมีความตื่นรู้ถึงความสำคัญของสถาบันหลักของชาติอย่างยั่งยืนสืบไป" นายสุทธิพงษ์ กล่าว 


อ่านความคิดเห็นของเพื่อนๆ ..คิดอย่างไรกับเรื่องนี้ เขียนเลย
Terms of Service © 2025 MCOT.net All rights reserved นโยบายข้อมูลส่วนบุคคล นโยบายการรักษาความมั่นคงปลอดภัยเว็บไซต์ นโยบายเว็บไซต์ของ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน)