“ลุงป้อม” พื้นที่พิษณุโลก นครสวรรค์
เร่งพัฒนาแหล่งน้ำ “สีแควโมเดล” ย้ำประชาชนต้องอยู่ดีกินดี
เขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงบอระเพ็ด ต.พระนอน อ.เมืองนครสวรรค์ จ.นครสวรรค์ โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์ กล่าวต้อนรับ พร้อมบรรยายสรุปภาพรวมผลการดำเนินงานของจังหวัดตามนโยบายรัฐบาล เลขาธิการ สทนช. นำเสนอโครงการเพิ่มประสิทธิภาพพื้นที่หน่วงน้ำในช่วงฤดูน้ำหลาก “สี่แควโมเดล” ก่อนที่รองนายกรัฐมนตรีจะมอบนโยบายและแนวทางการพัฒนาบึงบอระเพ็ดให้แก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และลงพื้นที่โครงการแก้มลิงบ้านแหลมทอง ต.พระนอน อ.เมืองนครสวรรค์ พร้อมเยี่ยมชมผลิตภัณฑ์จากบึงบอระเพ็ดและปลารสเด็ดปากน้ำโพ และร่วมปล่อยปลา ณ บริเวณหน้าอาคารสำนักงานที่ทำการเขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงบอระเพ็ด ก่อนพบปะประชาชนผู้ได้รับประโยชน์จากการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่บึงบอระเพ็ด และแก้มลิงบ้านแหลมทอง ตามลำดับ
จากการลงพื้นที่ 2 จังหวัดภาคเหนือตอนล่างครั้งนี้
รองนายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำให้หน่วยงานต่างๆ กำกับ ติดตามการจัดสรรน้ำให้เป็นตามแผน
พร้อมประเมินพื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำตามที่ กอนช.ได้มีการคาดการณ์ล่วงหน้า
เพื่อเร่งหาแนวทางป้องกัน และแก้ไขทันที
พร้อมประชาสัมพันธ์ขอความร่วมมือประชาชนสร้างการรับรู้อย่างต่อเนื่อง
ป้องกันไม่ให้เกิดภาวะภัยแล้งในพื้นที่
โดยเฉพาะลุ่มน้ำยมที่รัฐบาลได้เร่งแก้ไขปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้งซ้ำซากให้เกิดความยั่งยืน
ซึ่งประตูระบายน้ำท่านางงาม จ.พิษณุโลก เป็น 1 ใน 4
โครงการที่จะบรรเทาปัญหาอุทกภัยและภัยแล้งในพื้นที่ลุ่มน้ำยมตอนล่าง เมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จจะทำให้สามารถเก็บกักน้ำในแม่น้ำยมได้เพิ่มขึ้น มีปริมาณน้ำเพียงพอจัดสรรให้กับภาคการเกษตร
รวมถึงช่วยเพิ่มระดับน้ำใต้ดินของพื้นที่ข้างเคียงอีกด้วย ขณะเดียวกัน
ยังได้สั่งการให้กรมโยธาธิการและผังเมืองเร่งดำเนินการโครงการเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำน่านให้เป็นไปตามแผนงาน
และป้องกันไม่ให้ถูกกัดเซาะเพิ่มเติมด้วยโดยต้องเร่งดำเนินการแก้ไขให้ครอบคลุมทั้ง
2 ฝั่งแม่น้ำด้วย
สำหรับในพื้นที่ จ.นครสวรรค์
รองนายกรัฐมนตรีได้ติดตามความก้าวหน้าของโครงการเพิ่มประสิทธิภาพพื้นที่หน่วงน้ำในช่วงฤดูน้ำหลาก
“สี่แควโมเดล” และผลการบริหารจัดการบึงบอระเพ็ด
ตามที่ได้สั่งการให้หน่วยงานเร่งขับเคลื่อนให้เห็นผลโดยเร็ว
โดยเฉพาะการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่บึงบอระเพ็ด
ต้องมีการบูรณาการการดำเนินงานของหลายส่วนงาน อาทิ การทำประมง การเกษตรกรรม การท่องเที่ยว
การอนุรักษ์ รวมถึงน้ำอุปโภคบริโภค เพื่อให้บึงฯ
กลับมาเป็นแหล่งน้ำธรรมชาติที่มีความอุดมสมบูรณ์ และส่งผลให้คุณภาพชีวิตของประชาชน
รวมทั้งระบบนิเวศสิ่งแวดล้อมโดยรอบดีขึ้นตามไปด้วย
ด้าน ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการ
สทนช.กล่าวเพิ่มเติมถึงความก้าวหน้าการพัฒนาทรัพยากรน้ำในพื้นที่ 2 จังหวัดภาคเหนือตอนล่าง
ว่า รัฐบาลได้มีการเร่งรัดผลักดันการขับเคลื่อนโครงการด้านน้ำตลอด 4 ปีที่ผ่านมา
(ปี 61 - 65) รวมเกือบ 3,000 โครงการ แบ่งเป็น จ.พิษณุโลก 1,881
โครงการ จ.นครสวรรค์ 1,087 โครงการ อาทิ
ประตูระบายน้ำท่านางงามพร้อมอาคารประกอบ โครงการก่อสร้างและเพิ่มประสิทธิภาพระบบรวบรวมน้ำเสีย
เทศบาลนครพิษณุโลก แก้มลิงคลองละหานพร้อมอาคารประกอบ แก้มลิงบึงบอระเพ็ด
จ.นครสวรรค์
ระบบป้องกันน้ำท่วมพื้นที่ชุมชนวัดไทรย์ อ.เมืองนครสวรรค์ เป็นต้น ซึ่งนายกรัฐมนตรี และรองนายกรัฐมนตรี
ได้เน้นย้ำให้ สทนช.บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการตามแผนการพัฒนาโครงการต่างๆ
ภายใต้แผนแม่บทน้ำ 20 ปี
เพื่อให้ทรัพยากรน้ำของประเทศเกิดความมั่นคงส่งผลต่อชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของประชาชน
และเศรษฐกิจของประเทศ.