“ปวีณา”ขอใช้วาระวันสิทธิสตรีสากลฝากนักการเมืองหญิงรุ่นน้องทำหน้าที่เป็นตัวแทนประชาชนอย่างแท้จริง
นางปวีณา หงสกุล ปรานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ในฐานะ อดีต
ส.ส. 6 สมัย และรัฐมนตรี 3 กระทรวง ใช้โอกาสวันสิทธิสตรีสากล 8 มีนาคม บอกเล่าประสบการณ์ทางการเมืองในแง่มุมการทำงานการเมืองเพื่อเพิ่มโอกาสและบทบาทให้ผู้หญิงในสังคมว่า
ตอนเป็น ส.ส.สมัยแรก เมื่อปี 2531 ปัญหาหลักที่พบ คือ นักการเมืองหญิงยังขาดการยอมรับ
โดยเฉพาะในหมู่ผู้ชายทั่วไปที่มีคำถามว่าผู้หญิงที่เป็นเพศอ่อนแอจะมาทำงานการเมืองได้หรือ
แต่ตัวเองมองว่าไม่ใช่สาระคัญเลยเพราะความสามารถเป็นเรื่องของแต่ละบุคคลไม่ใช่เรื่องการแบ่งแยกเพศ
จึงพยายามมุ่งมั่นทำงานหนักเป็น 2-3 เท่าของนักการเมืองชาย จะประชุมสภาฯดึกดื่มแค่ไหนก็อยู่ได้
โดยในปี 2531 จำได้แม่นยำว่า มี ส.ส.อยู่ในสภา 400 คน มี ส.ส.หญิงอยู่แค่
10 คนเท่านั้น ทำให้การออกกฎหมายเพื่อสิทธิสตรีเป็นเรื่องยาก จึงมีการชักชวนกันให้มีการรวมกลุ่ม
ส.ส.และ ส.ว. หญิง เพื่อตั้งเป็นชมรมรัฐสภาสตรีไทย
ในปี 2535 โดยตัวเองได้รับเลือกให้เป็นประธานชมรมคนแรก ซึ่งผลของการตั้งชมรมนี้ทำให้สามารถผลักดันกฎหมาย
พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี ที่มีเนื้อหาช่วยเหลือแก้ไข ฟื้นฟู เยียวยา
หญิงที่ตกอยู่ในวังวนของการค้าประเวณี ให้ได้รับการรักษาอาการทางกายและจิตใจ
ก่อนรับการฝึกอาชีพให้กลับมาดำรงชีวิตได้ปกติอีกครั้ง ต่างจากกฎหมายเก่าที่จะจับกุมหญิงผู้ค้าประเวณีและนำตัวไปลงโทษผู้หญิงเพียงฝ่ายเดียว
ก่อนที่ ปี 2538 ได้รับตำแหน่งรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี
ได้เป็นประธานคณะกรรมการเร่งรัดและประสานการปฏิบัติงานภาครัฐเพื่อเด็กเยาวชนและสตรี
โดยมีการตั้งชุดเฉพาะกิจปวีณา ออกปราบปรามการค้าประเวณี
และช่วยเหลือหญิงที่ตกเป็นเหยื่อ โดยเฉพาะการบุกทลายซ่องในอำเภอบางละมุง
จังหวัดชลบุรี ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการก่อตั้ง มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี
จากนั้นปี 2541 ก็ยังได้รับตำแหน่ง ดาวสภา
จากการโหวตของผู้สื่อข่าวประจำรัฐสภาอีกด้วย
จนปี
2556 ในรัฐบาลของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้เข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
ได้เปิดศูนย์ช่วยเหลือสังคม 24 ชั่วโมง (OSCC) สายด่วน 1300 เพื่อรับแจ้งเหตุและให้ความช่วยเหลือปัญหาด้านสังคมอย่างครบวงจรก่อนจะยุติบทบาททางการเมืองลงหลังมีการรัฐประหารในปี
2557
สำหรับปัจจุบันนี้
นางปวีณา ยอมรับว่ายังคิดถึงงานการเมืองในพื้นที่เขตดอนเมือง สายไหม อยู่ตลอด
แต่ส่วนตัวกำลังมุ่งมั่นกับการทำงานมูลนิธิ เพื่อช่วยเหลือสังคม รับใช้ประชาชนทั่วประเทศ
โดยไม่จำเป็นต้องมีตำแหน่งทางการเมือง ส่วนการเมืองนั้นก็ยังติดตามชื่นชมผลงานของน้องๆ
ส.ส.หญิง ทุกคน โดยขอเป็นกำลังใจให้มุ่งมั่นดูแลสังคม ประเทศชาติและทำหน้าที่เป็นตัวแทนของพี่น้องประชาชนอย่างแท้จริง