11 พ.ค. 67 - จากแฟนเพจของ NARIT สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ อ้างอิงจาก ดร. มติพล ตั้งมติธรรม - นักวิชาการ สดร. แจ้งเตือน พายุสุริยะที่ใหญ่ที่สุดในรอบ 20 ปีจะมาเยือนโลกสุดสัปดาห์นี้ แต่ไม่เป็นอันตราย ผู้สังเกตในละติจูดสูงเตรียมพบกับออโรร่า
NOAA (National Oceanic and Atmospheric Administration) ซึ่งเป็นหน่วยงานของสหรัฐที่ทำหน้าที่ติดตามเฝ้าระวังพายุสุริยะ ได้รายงานการค้นพบพายุสุริยะระดับ G5 ซึ่งเป็นพายุสุริยะที่รุนแรงที่สุดในรอบ 20 ปี กำลังจะมาเยือนโลกในช่วงสุดสัปดาห์นี้ เบื้องต้นเตือนถึงผลกระทบที่อาจจะส่งผลต่อดาวเทียม และกริดไฟฟ้าในประเทศแถบขั้วโลก แต่ไม่ส่งผลต่อสุขภาพของมนุษย์แต่อย่างใด ผู้สังเกตในแถบละติจูดสูงเตรียมพบกับแสงออโรร่าได้ตลอดสุดสัปดาห์นี้
วันศุกร์ที่ 10 พฤษภาคม 2024 NOAA ได้แจ้งเตือนถึงการตรวจพบพายุสุริยะที่มีความรุนแรงระดับ G4 ต่อมาได้ยกระดับพายุขึ้นเป็นระดับ G5 ซึ่งเป็นระดับความรุนแรงของพายุสุริยะที่สูงที่สุด
พายุสุริยะนั้นเกิดขึ้นจากการปลดปล่อยมวลจากดวงอาทิตย์ (Coronal Mass Ejection: CME) มวลจากดวงอาทิตย์เหล่านี้เกิดขึ้นจากอนุภาคมีประจุ ซึ่งเมื่ออนุภาคมีประจุเหล่านี้เกิดการเคลื่อนที่ อาจจะส่งผลรบกวน และเบี่ยงเบนสนามแม่เหล็กของโลก เมื่อสนามแม่เหล็กของโลกเกิดการรบกวน จะทำให้อนุภาคบางส่วนสามารถเข้ามายังชั้นบรรยากาศด้านบนของโลกได้ เกิดเป็นแสงเหนือ-แสงใต้ ที่เราเรียกกันว่า "แสงออโรร่า"
การวัดระดับความรุนแรงของพายุสุริยะนั้นสามารถวัดกันได้หลายวิธี ตั้งแต่ Kp index ไปจนถึง G-scale ซึ่งเป็นการใช้วัดระดับพายุสุริยะที่มีความรุนแรงค่อนข้างมาก ตั้งแต่ G1 จนถึง G5 ซึ่งพายุที่กำลังมาถึงโลกในช่วงสุดสัปดาห์นี้ จัดเป็นพายุในระดับ G5 ซึ่งเป็นระดับที่สูงที่สุด เทียบเท่ากับ Kp9 โดยครั้งสุดท้ายที่มีการแจ้งเตือนพายุสุริยะในระดับ G5 นั้นเกิดขึ้นในช่วงวันฮาโลวีนของปี 2003 จึงทำให้นี่เป็นพายุสุริยะที่มีระดับรุนแรงที่สุดในรอบ 20 ปี
โดยปกติแล้ว การปลดปล่อยมวลสุริยะของดวงอาทิตย์นั้น มักจะเกิดขึ้นจากบริเวณผิวของดวงอาทิตย์ที่มีสนามแม่เหล็กแปรปรวน เป็นเหตุให้พลาสมาจากดวงอาทิตย์สามารถหลุดและปลดปล่อยออกมาได้ จากบนโลกเราสามารถสังเกตเห็นบริเวณที่มีสนามแม่เหล็กแปรปรวนนี้ ในรูปของจุดดับบนดวงอาทิตย์ ซึ่งในช่วงปีนี้นั้นสอดคล้องกับช่วง solar maximum ในวัฏจักร 11 ปีของดวงอาทิตย์ ที่จะสามารถพบจุดดับได้บ่อยที่สุดพอดี ปรากฏการณ์พายุสุริยะนี้จึงเป็นพฤติกรรมปรกติของดวงอาทิตย์ที่สามารถพบเห็นได้ และอาจจะมีพายุสุริยะอื่นๆ ตามมาอีกในช่วง solar maximum ที่เรากำลังอยู่นี้
เมื่อพายุสุริยะมาถึงโลก อนุภาคที่มีประจุนี้ส่วนมากจะถูกเบี่ยงเบนออกไปโดยสนามแม่เหล็กของโลกที่คอยปกป้องโลกเอาไว้ มีเพียงส่วนน้อยที่สามารถเลี้ยวไปตามเส้นแรงแม่เหล็กโลกกระทบเข้ากับชั้นบนของบรรยากาศเกิดเป็นแสงออโรร่า ในกรณีที่มีการปลดปล่อยมวลเป็นจำนวนมาก เช่นในพายุสุริยะที่มีความรุนแรง พลาสม่าในมวลสุริยะนั้นอาจจะมีอันตรากิริยากับสนามแม่เหล็กของโลก ทำให้สนามแม่เหล็กของโลกเบี่ยงเบนไป จึงอาจทำให้อนุภาคสามารถกระทบกับชั้นบรรยากาศเกิดเป็นแสงออโรร่าในพื้นที่ละติจูดที่ต่ำกว่าปรกติได้ จึงอาจทำให้เกิดแสงออโรร่าเป็นวงที่กว้างกว่าปรกติ อย่างไรก็ตาม ความสูงของบริเวณที่เกิดออโรร่านั้นก็ยังนับเป็นความสูงที่สูงกว่าที่มนุษย์อาศัยอยู่เป็นอย่างมาก จึงไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพของมนุษย์และสัตว์แต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม พายุสุริยะอาจจะส่งผลกระทบต่ออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่อาจจะอ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงของสนามไฟฟ้า เช่น ดาวเทียมสื่อสารที่โคจรอยู่เหนือชั้นบรรยากาศของโลก และในบางครั้งอาจจะส่งผลกระทบต่อกริดจ่ายไฟฟ้าภาคพื้นโลก สำหรับประเทศที่อยู่ในละติจูดสูง เช่นพายุสุริยะ G5 ที่เกิดขึ้นในปี 2003 นั้นส่งผลให้เกิดไฟฟ้าดับชั่วคราวในประเทศสวีเดน และสร้างความเสียหายให้กับหม้อแปลงไฟฟ้าบางส่วนในอาฟริกาใต้
ทั้งนี้ โดยปกติแล้วดาวเทียมสื่อสารจะมีมาตรการการป้องกันพายุสุริยะ เช่น การหันทิศทางหรือปิดอุปกรณ์ที่อาจจะมีความเสี่ยงต่อการเสียหาย จึงสามารถลดการรบกวนที่อาจจะเกิดขึ้นต่อระบบสื่อสารได้เป็นอย่างมาก และปัจจุบันระบบไฟฟ้านั้นก็มีมาตรการป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นได้เป็นอย่างดี
#สำหรับประเทศไทย ด้วยตำแหน่งที่อยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตรจึงทำให้ประเทศไทยของเราถูกปกป้องโดยสนามแม่เหล็กโลกเป็นอย่างดี พายุสุริยะในครั้งนี้จึงแทบไม่มีผลกระทบอย่างใด อย่างไรก็ตาม คนไทยที่อาศัยอยู่ในประเทศแถบละติจูดสูงอาจจะสามารถสังเกตการณ์แสงออโรร่าได้ตลอดช่วงสุดสัปดาห์นี้
นอกจากนี้ ด้วยตระหนักถึงผลกระทบดังกล่าว สดร. จึงร่วมกับมหาวิทยาลัยมหิดล ได้ดำเนินโครงการศึกษาวิจัย ปรากฏการณ์และผลกระทบที่เกี่ยวข้องกับดวงอาทิตย์ ผลิตอุปกรณ์สำรวจสภาพอวกาศ ตรวจวัดรังสีคอสมิก และติดตามผลกระทบที่มีต่อโลก ส่งไปกับยานฉ๋างเอ๋อ 7 ภายใต้โครงการสถานีวิจัยดวงจันทร์นานาชาติ (International Lunar Research Station) เพื่อศึกษาปรากฏการณ์ และผลกระทบ รวมถึงพัฒนาแบบจำลองเพื่อนำมาใช้แจ้งเตือนต่อสาธารณชนได้อย่างแม่นยำในอนาคต
นับเป็นการวิจัยเพื่อขยายขอบเขตความรู้ชั้นแนวหน้า ทางด้านสภาพอวกาศ (space weather) ในระดับโลกต่อไป ถือเป็นการดำเนินการตามพันธกิจของ สดร ในการสร้างความร่วมมือและความสามารถในการวิจัยระดับโลกของประเทศไทยต่อไป
อ้างอิง:
[1] https://www.swpc.noaa.gov/.../geomagnetic-storming-likely...
[2] https://www.swpc.noaa.gov/news/g5-conditions-observed
นอกจากนั้นทางด้าน สมาคมดาราศาสตร์ไทย(Thai Astronomical Society; สดท.) เผย องค์การบริหารมหาสมุทรและชั้นบรรยากาศแห่งชาติ (NOAA) ได้มีการคาดการณ์พายุแม่เหล็กโลก (Geomagnetic storm) ที่ได้จะได้รับผลกระทบในช่วงนี้
จากระดับรุนแรง (G3) เป็นระดับร้ายแรง (G4) จาก 5 ระดับ ผู้เชี่ยวชาญคาดว่าอาจเป็นพายุแม่เหล็กโลกครั้งร้ายแรงสุดนับแต่ปี 2005 พร้อมให้มีการเฝ้าระวังพายุแม่เหล็กโลกในช่วงนี้
ในช่วงจุดสูงสุดของดวงอาทิตย์ นอกจากลมสุริยะจะมีความเข้มข้นและรุนแรงมากกว่าในช่วงอื่นๆ แล้ว ยังมีความผันผวนมากกว่าในช่วงอื่นๆ ส่งผลให้การเปลี่ยนแปลงความเข้มของประจุไฟฟ้าบริเวณรอบๆ โลกทำให้สนามแม่เหล็กโลกมีการเปลี่ยนแปลงตาม การปะทุของพลาสมาจากเปลวสุริยะ (Solar flare) อาจรบกวนคลื่นวิทยุบนโลก
การเปลี่ยนแปลงความเข้มสนามแม่เหล็กนี้อาจทำให้เกิดการเหนี่ยวนำไฟฟ้าขึ้นบนวัตถุใดๆ บนผิวโลกที่เป็นตัวนำไฟฟ้าและมีความยาวมากๆ เช่น ท่อส่งน้ำมัน หรือสายไฟฟ้าแรงสูง เป็นต้น ซึ่งกรณีหลังอาจทำให้หม้อแปลงไฟฟ้าระเบิดและระบบส่งจ่ายไฟฟ้าขัดข้องได้ เหตุการณ์ไฟดับครั้งใหญ่หลายครั้งในอดีต ดังเช่นในปี 2532 ที่จังหวัดควิเบกของแคนาดา และที่เมืองหนึ่งในรัฐนิวเจอร์ซีของสหรัฐอเมริกา ก็คาดว่าเป็นผลจากพายุสุริยะเหมือนกัน แต่อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์นี้มักจะเกิดกับพื้นที่ๆ ใกล้กับขั้วโลก สำหรับประเทศไทยซึ่งตั้งอยู่แถบศูนย์สูตร จะมีโอกาสเกิดไฟฟ้าดับจากสาเหตุนี้น้อยมาก ระบบอื่นที่อาจมีปัญหาก็คือ ระบบการสื่อสารที่ใช้การสะท้อนของสัญญาณกับบรรยากาศชั้นไอโอโนสเฟียร์ เพราะบรรยากาศชั้นไอโอโนสเฟียร์นี้อาจเกิดการปั่นป่วนเมื่อถูกโจมตีจากการระเบิดบนดวงอาทิตย์
องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ NASA ยังได้เปิดเผยข้อมูลในการศึกษาว่า พายุสุริยะ (Solar storm) กำลังทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ คาดว่าจะแรงสุดในปี 2025 และไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น โดยพายุสุริยะเป็นปรากฏการณ์หนึ่ง ที่เกิดจากการที่ผิวดวงอาทิตย์ระเบิดขึ้นมาที่เรียกว่า "การระเบิดลุกจ้า" ซึ่งทำให้อนุภาคประจุไฟฟ้าพุ่งออกมาจำนวนมหาศาล ประจุไฟฟ้าที่พุ่งออกมานี้ เมื่อเดินทางมาถึงโลกจะรบกวนระบบการสื่อสาร ส่งผลทำให้การสื่อสารโทรคมนาคม เช่น โทรศัพท์มือถือใช้งานไม่ได้ หรือการสื่อสารผ่านดาวเทียมเสียหายได้
โดยในตอนนี้แถบยุโรปและสหรัฐฯ ยังมีการโชว์ภาพถ่ายแสงเหนือกันอย่างคึกคัก
ภาพถ่ายแสงเหนือจากรัฐมิชิแกน สหรัฐฯ เมื่อวันที่ 10 พ.ค. 67
