8 เม.ย.64 - ประเทศไทย และเยอรมนี จับมือขับเคลื่อนการลดก๊าซเรือนกระจกในภาคอุตสาหกรรม ร่วมลดโลกรเอนแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลก
นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ลงนามและมอบเอกสารถ้อยแถลงเพื่อดำเนินงานของกลุ่มดำเนินงานด้านกรดไนตริกเพื่อสภาพภูมิอากาศ Nitric Acid Climate Action Group (NACAG) ให้กับ นายเกออร์ก ชมิดท์ เอกอัครราชทูตเยอรมันประจำประเทศไทย ในนามรัฐบาลประเทศเยอรมันเป็นการแสดงเจตนารมณ์ในการดำเนินการยุติการปล่อยก๊าซไนตรัสออกไซด์ เพื่อลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
สำหรับก๊าซไนตรัสออกไซด์ เป็นก๊าซเรือนกระจกที่สร้างผลกระทบให้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมากที่สุดชนิดหนึ่ง และมีค่าศักยภาพในการทำให้โลกร้อนมากกว่าคาร์บอนไดออกไซด์ถึง 265 เท่า ก๊าซไนตรัสออกไซด์ พบมากที่สุดในการอุตสาหกรรมการผลิตกรดไนตริก ซึ่งใช้เป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมเคมีโดยเฉพาะอย่างยิ่งในการผลิตปุ๋ย อย่างไรก็ตาม การปล่อยก๊าซนี้สามารถลดลงได้ด้วยเทคโนโลยีที่มีค่าใช้จ่ายต่ำและมีประสิทธิภาพ
กระทรวงสิ่งแวดล้อม คุ้มครองธรรมชาติ และความปลอดภัยทางปรมาณู สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี (BMU) ได้ก่อตั้งNACAG ขึ้นมาเพื่อให้การสนับสนุนด้านเทคนิคและการเงินให้กับประเทศต่างๆ ดำเนินงานโดย Deutsche Gesellschaft für Internationale Zusammenarbeit (GIZ) GmbH เพื่อกระตุ้นให้ประเทศสมาชิกจะยุติการปล่อยก๊าซไนตรัสออกไซด์จากอุตสาหกรรมการผลิตกรดไนตริก ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2567
ซึ่งในการดำเนินการเพื่อสนับสนุนเป้าหมายของ NACAG นี้จะสนับสนุนการบรรลุเป้าหมายการมีส่วนร่วมที่ประเทศกำหนด (NDC) ของประเทศไทย ที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงร้อยละ 20-25 จากระดับธุรกิจตามปกติ ภายในปี พ.ศ. 2573
ส่วนโครงการด้านนโยบาย ภายใต้แผนงานความร่วมมือไทย - เยอรมัน ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ภายใต้องค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน จะเป็นผู้ประสานการดำเนินงานกับ NACAG โดยจะสนับสนุนผู้ประกอบการในประเทศไทยติดตั้งเทคโนโลยีลดการปล่อยก๊าซไนตรัสออกไซด์
สร้างขีดความสามารถให้กับบุคลากร บำรุงรักษา ติดตามและประเมินผล เพื่อให้มั่นใจว่าการปล่อยก๊าซไนตรัสออกไซด์ จะถูกกำจัดออกจากวงจรการผลิตอย่างมีประสิทธิภาพ การดำเนินโครงการนี้เริ่มต้นในวันที่ 1 พฤษภาคมพ.ศ. 2564 โดยโครงการยังดำเนินการร่วมกับสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กรมโรงงานอุตสาหกรรม และหน่วยงานภายใต้กระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อขับเคลื่อนและพัฒนาเครื่องมือเชิงนโยบายที่จะช่วยให้การยุติการปล่อยก๊าซไนตรัสออกไซด์ ลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของประเทศไทยให้เป็นไปอย่างยั่งยืน
อย่างไรก็ตามประเทศไทยมีโรงงานผลิตกรดไนตริก 1 แห่ง ศักยภาพในการลดการปล่อยก๊าซไนตรัสออกไซด์ของอุตสาหกรรมการผลิตก๊าซนี้อยู่ที่ประมาณ 180,000 t CO2e ต่อปี (เทียบเท่ากับการดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของต้นไม้ 12 ล้านต้น )
นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า ประเทศไทยมีความตั้งใจในการเข้าเป็นส่วนหนึ่งของโครงการนี้ โดยดำเนินงานร่วมกับกระทรวงสิ่งแวดล้อม คุ้มครองธรรมชาติ และความปลอดภัยทางปรมาณู สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี (BMU) สำนักเลขาธิการ NACAG และองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน (GIZ) เพื่อร่วมกันปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์เพื่อยุติการปล่อยก๊าซไนตรัสออกไซด์จากการผลิตกรดไนตริกทั่วโลก
หวังเป็นอย่างยิ่งว่า สิ่งที่เราจะได้เรียนรู้จาก NACAG จะช่วยให้เราสามารถสานต่อความร่วมมือระหว่างประเทศไทยและประเทศเยอรมันเพื่อเสริมสร้างการดำเนินการในภาคส่วนอื่นๆ เชื่อว่าความร่วมมือของทั้งสองประเทศมาสร้างประโยชน์ร่วมกัน จะเป็นการสร้างความไว้วางใจและรากฐานที่มั่นคงในการดำเนินงานร่วมกันเพื่อบรรลุเป้าหมายข้อตกลงปารีส
ด้านนายเกออร์ก ชมิดท์ เอกอัครราชทูตเยอรมันประจำประเทศไทย กล่าวว่า ทุกภาคส่วนไม่สามารถเพิกเฉยต่อการปล่อยก๊าซนี้ได้ สามารถติดตั้งเทคโนโลยีที่มีประสิทธิผลและมีต้นทุนต่ำ เพื่อลดการปล่อยก๊าซไนตรัสออกไซด์จากวงจรการผลิต ในฐานะตัวแทนรัฐบาลเยอรมนี ยินดียิ่งที่ประเทศไทยมีความตั้งใจในการเข้าร่วมกลุ่มฯ กว่า 10 ปีที่ผ่านมานั้น ประเทศไทยและประเทศเยอรมนีได้สร้างความร่วมมือในการดำเนินงานด้านสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม และในการดำเนินงาน NACAG ร่วมกันนี้ จะเป็นการสร้างความเข้มแข็งให้กับการดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศในประเทศไทยขึ้นอีกระดับ ซึ่งจะเป็นการร่วมความพยายามในการบรรลุเป้าหมายระดับโลกอีกด้วย