หลักหมุด “กรุงสยาม” หรือ หลักเขตแดนสยาม-เขมร อีกหนึ่งสัญลักษณ์ทางประวัติศาสตร์ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่5 ที่ใช้ปักปันเขตแดนและยังเป็นสิ่งบ่งชี้เขตแดนระหว่างไทย-กัมพูชา เรามารู้จักหลักหมุดนี้กัน...
หากช่วงที่ผ่านมาใครติดตามข่าวสถานการณ์ไทย-กัมพูชา จะพบว่ามีการปรากฏของหลักหมุดที่เขียนว่า “กรุงสยาม” บนสื่อต่างๆ เราเลยขอพาไปดูว่าหมุดเหล่านี้มีที่มาที่ไปอย่างไร โดยข้อมูลจากทีมโฆษกกองทัพบก ระบุว่า หลักหมุด “กรุงสยาม” เป็นหลักปักปันเขตแดนที่สำคัญที่ใช้ปักปันเขตแดนระหว่างไทย-กัมพูชา สร้างขึ้นในช่วงปี พ.ศ. 2451 – 2452 หรือสมัยรัชกาลที่ 5 โดยหลักดังกล่าวจะมีข้อความ 4 ภาษา ได้แก่ ไทย กัมพูชา อังกฤษ และฝรั่งเศส ปรากฏอยู่ทั้ง 4 ด้าน
หมุด “กรุงสยาม” มีจำนวนทั้งหมด 73 หลัก จุดเริ่มต้นที่ หลักเขตแดนที่ 1 บริเวณ อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ จุดสิ้นสุดที่: หลักเขตแดนที่ 73 อ.คลองใหญ่ จ.ตราด โดยทั้ง 73 หลัก จะถูกจัดวางตามลักษณะภูมิประเทศ ได้แก่ ตามสันปันน้ำ: 34 หลัก ตามแนวลำน้ำ: 19 หลัก และ เส้นตรงระหว่างหลักต่อหลัก: 21 หลัก ทั้งนี้พื้นที่ จ.ศรีสะเกษ และ จ.อุบลราชธานี ไม่มีการปักหลักเขต เนื่องจากอยู่ในขอบเขตการปักปันชุดแรกที่ได้ดำเนินการแล้ว โดยใช้แนวสันปันน้ำเป็นเส้นแบ่งเขตแดน
สำหรับ แนวเขตแดนนี้มีที่มาจากการตกลงกันระหว่าง สยาม และฝรั่งเศส (เมื่อครั้งที่กัมพูชาเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศส) โดยมีการจัดทำหลักฐานสำคัญทางกฎหมาย ได้แก่
-อนุสัญญา วันที่ 13 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1904
-สนธิสัญญา วันที่ 23 มีนาคม ค.ศ.1907
-แผนที่คณะกรรมการปักปันเขตแดน มาตราส่วน 1 : 200,000 รวม 7 ระวาง
-บันทึกวาจาการปักหลักเขตแดน และแผนผังแสดงตำแหน่งหลักเขตแดน
โดยการปักหลักเขตแดนในพื้นที่จริง ได้เริ่มช่วงปี ค.ศ. 1908–1909 ซึ่งช่วงแรกใช้เป้นต้นไม้หรือเสาไม้ ต่อมาในปี ค.ศ. 1919–1920 จึงเปลี่ยนเป็น หลักคอนกรีต
ทั้งนี้ในปัจจุบัน หลักเขตแดนเดิมบางส่วน สูญหาย ถูกทำลาย หรือถูกเคลื่อนย้าย อีกทั้งตั้งอยู่ห่างกันมาก ทำให้บางพื้นที่ไม่มีความชัดเจน เพื่อแก้ปัญหานี้ ไทยและกัมพูชา ที่มีระยะรวม 798 กิโลเมตร จึงได้ร่วมลงนาม บันทึกความเข้าใจ (MOU) เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2543 (ค.ศ. 2000) เพื่อดำเนินการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนตลอดแนวให้ชัดเจน โดยอิงตาม หลักฐานทางกฎหมายดั้งเดิม