การสร้างพระพุทธรูป แต่ละยุคสมับ มีเอกลักษณ์ และสะท้อนศิลปะ ในยแต่ละยุคสมัย แตกต่างกัน เฉพทะในยุคกรุงรัตนโกสินทร์ การออกแบบและสร้างพระพุทธ มีความเปลี่ยนแปลงแตกต่างกันสะท้อนมุมมองที่มีต่อพระพุทธศาสนา และพระรานิยมของสถาบันแต่ละยุคสมัย
ดร. ศรัณย์ มะกรูดอินทร์ นักวิชาการประวัติศาสตร์ศิลป์ ได้ถ่ายทอดเรื่องราวชองพระพุทธรูปแบบพระราชนิยมพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ปางมารวิชัย ไว้อย่างน่าสนใจว่า พระพุทธรูปโลหะปิดทอง สร้างขึ้นตามแบบพระราชนิยมในรัชกาลที่ ๔ ประทับนั่งขัดสมาธิเพชร ปางมารวิชัย ปัจจุบันประดิษฐาน ณ ตำหนักเดิม
พระพุทธรูปองค์นี้มีการผสมผสานรูปแบบของพุทธลักษณะในสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ กับรูปแบบพระราชนิยมของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
พุทธลักษณะสำคัญที่สืบมาแต่สมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ประกอบด้วย การทำพระพุทธรูปมีนิ้วพระหัตถ์ยาวเสมอกัน และการทำฐานบัวที่ประกอบด้วยกลีบบัวซ้อนกัน ๓ ชั้นเหนือฐานสิงห์
ส่วนรูปแบบพระราชนิยมพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ประกอบไปด้วย พระพุทธรูปนี้มีพระกรรณสั้นอย่างมนุษย์สามัญ มีอุณาโลมเป็นจุดระหว่างพระขนงอย่างพระพุทธชินสีห์ (พระพุทธรูปในสมัยต้นกรุงนั้น ไม่มีนิยมทำอุณาโลมระหว่างพระขนงแล้ว) บริเวณเหนือพระเศียรทำพระรัศมีโดยไม่มีอุษณีษะ ครองจีวรห่มเฉียงม้วนลูกบวบเป็นริ้วธรรมชาติอย่างพระสงฆ์คณะธรรมยุติกนิกาย พาดสังฆาฏิเป็นแผ่นใหญ่ รวมถึงพระพุทธรูปองค์นี้ประทับนั่งขัดสมาธิเพชร สอดคล้องกับพระสมณฉายาครั้งยังทรงผนวชว่า “วชิรญาณ” ด้วยคำว่า “วชิระ” นั้นแปลว่า “เพชร” ได้ด้วยเช่นเดียวกัน
พระพุทธรูปองค์นี้นับเป็นสิ่งสูงค่า จึงประดิษฐานเหนือพานถมปัดพื้นทอง ซึ่งนับเป็นเครื่องถมปัดพิเศษที่มีการผสมทองคำลงบนสีพื้น นับเป็นรูปแบบเครื่องยศถมปัดที่มิได้พระราชทานแก่พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ทั่วไป แม้แต่ในลำดับชั้นสมเด็จพระสังฆราชเจ้าก็ยังมิได้รับถวาย
จึงมีความเป็นไปได้ว่า พระพุทธรูปองค์นี้อาจสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๔ และนับเป็นพระพุทธรูปสำคัญที่เคยใช้เป็นพระพุทธรูปประธานในการบำเพ็ญพระราชกุศลพระศพสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ณ ตำหนักเพ็ชร และมีการเชิญมาในการบำเพ็ญพระกุศลถวายสมเด็จพระมหาสมณเจ้าพระองค์นั้น ในวันที่ ๒ สิงหาคมของทุกปี
ภาพและเรื่อง จากเพจ เล่าเรื่องวัดบวร
โดย ดร. ศรัณย์ มะกรูดอินทร์