นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง
รักษาราชการแทนอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เปิดเผยว่า
ตามที่ได้มีข้อเสนอจากภาคประชาชนในพื้นที่ อยากให้กรมอุทยานแห่งชาติ
สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
พิจารณาการผ่อนคลายการครอบครองสัตว์ป่าคุ้มครอง “นกกรงหัวจุก”
ซึ่งเป็นอัตลักษณ์ของท้องถิ่น
อีกทั้งมีการจัดการแข่งขันเสียงร้องในหลายภูมิภาค
รวมถึงมีการเพาะเลี้ยงในกรงจำนวนมาก จนถือได้ว่าเป็นสัตว์เศรษฐกิจชนิดหนึ่ง
จากการรับฟังความเห็นของภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2566
ที่ผ่านมา จึงได้สั่งการให้นายเผด็จ ลายทอง
ผู้อำนวยการสำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า
ดำเนินการยกระดับการให้บริการแก่ประชาชนในเรื่องการขออนุญาตค้าและครอบครองสัตว์ป่าคุ้มครองทุกชนิดให้มีความสะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น
โดยเร่งหารือร่วมกับสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ทุกพื้นที่
ในการลดขั้นตอนการปฏิบัติที่ยุ่งยาก
เป็นภาระกับประชาชนผู้ประสงค์แจ้งครอบครอง เพาะพันธุ์ หรือค้านกปรอดหัวโขน
โดยให้ใช้มาตรการเชิงรุกในการให้บริการทุกประเภทให้มีความสะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น
และให้เข้มงวดกับการลักลอบดักจับนกปรอดหัวโขนในธรรมชาติ
สำหรับการยื่นขออนุญาต สามารถยื่นได้ด้วยตนเอง ที่สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติฯ ต่างจังหวัด ยื่นได้ที่ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 1-16 หรือสาขาทุกสาขา กรณีหากมีเหตุอันควรสงสัย เช่น ชนิด จำนวน เครื่องหมาย สามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ส่วนคุ้มครองสัตว์ป่า สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า โทร. 0 2579 4621 หรือสายด่วนพิทักษ์ป่า 1362
นกปรอดหัวโขน หรือนกกรงหัวจุก มีสีสันที่สวยงาม มีเสียงไพเราะ
จึงเป็นที่นิยมในแง่ของสัตว์เลี้ยง และประกวดเสียงร้องเช่นเดียวกับนกเขาชวา
ปัจจุบันจัดอยู่ในกลุ่มสัตว์ป่าคุ้มครองจำพวกนก ลำดับที่ 550
ตามกฎกระทรวงกำหนดให้สัตว์ป่าบางชนิดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง พ.ศ. 2546
ห้ามล่า
หรือจับมาจากธรรมชาติ แต่เปิดโอกาสให้เพาะพันธุ์ในกรงเลี้ยงได้ แต่ยังมีผู้เพาะเลี้ยงที่ไม่ได้รับอนุญาตจำนวนมาก
เนื่องจากมีขั้นตอนการขออนุญาตหลายขั้นตอน ต้องใช้หลักฐานหลายอย่าง
และต้องลงทุนสูง
จากข้อมูลการรายงานสรุป ผู้ได้รับอนุญาตให้เพาะพันธุ์ ค้า
ครอบครองนกปรอดหัวโขน ในช่วงปี พ.ศ. 2555 – ปัจจุบัน
มีนกปรอดหัวโขนที่ขึ้นทะเบียนถูกกฎหมาย จำนวน 134,325 ตัว
จากผู้ขอขึ้นทะเบียน จำนวน 11,466 ราย ซึ่งจำนวนผู้เลี้ยงนกปรอดหัวโขนจริง ๆ
มีมากกว่าจำนวนผู้ได้รับอนุญาตที่ถูกต้อง
โดยได้รับการยืนยันจากประธานชมรมผู้เลี้ยงนกกรงหัวจุก ทั้งนี้ ข้อมูลในปี
2566 พบว่ามีการกระจายตัวของนกปรอดหัวโขนในธรรมชาติ
พบได้ทั่วไปในป่าโปร่งที่อยู่ใกล้ชุมชน โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคกลาง
ภาคตะวันตก และภาคใต้ฝั่งอันดามัน